‘กาแฟพันธุ์ไทย’​ ขอขึ้นเบอร์ 3 ชี้คนไทยนิยมสั่งกาแฟดื่มที่บ้าน มั่นใจรายได้ปีนี้โต 120%

‘กาแฟพันธุ์ไทย’​ ขอขึ้นเบอร์ 3 -ขยาย 1,500 สาขาภายปี66 ชี้คนไทยนิยมสั่งกาแฟดื่มที่บ้าน มั่นใจรายได้ปีนี้โต 120%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด(มหาชน) หรือ พีทีจี เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทย ว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2563-2564) เพราะผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตลาดกาแฟนอกบ้านเติบโตขึ้นเล็กน้อย ด้วยพฤติกรรมการบริโภคกาแฟที่เปลี่ยนไป คนทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น กังวลกับการใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่กลับกันด้วยปัจจัยดังกล่าวเองก็ทำให้ธุรกิจดิลิเวอรี่ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้บรรดาผู้เล่นแต่ละรายต่างปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งทางกาแฟพันธุ์ไทยเองได้มีการปรับกลยุทธ์ขยายสาขานอกสถานีบริการน้ำมัน เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่าย และเน้นการทำการตลาดผ่านช่องทางดิลิเวอรี่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของลูกค้าในช่วงที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา

“ในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาที่ 3/2565 บริษัทฯ สามารถทำรายได้กว่า 230 บวกกับครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากธุรกิจกาแฟได้กว่า 480 ล้านบาท หรือตลอด 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม 2565) สร้างรายได้กว่า 710 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปี 2565 จะเติบขึ้นอีก 120% บริษัทฯ จึงมั่นใจและตั้งเป้าหมายเป็นแบรนด์ร้านกาแฟอันดับที่ 3 ของไทย ภายในปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ได้ภายใน 3-4 ปีหลังจากนั้นต่อไป”นายพิทักษ์กล่าว

จากผลประกอบการของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ 4 ด้าน ดังนี้ 1.การขยายสาขาทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการให้บริการให้ครอบคลุม และให้สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและง่ายในการเข้าถึงลูกค้าของกาแฟพันธุ์ไทยมากขึ้น ในอนาคต กาแฟพันธุ์ไทยจะมุ่งเน้นในการขยายสาขาโดยการขายแฟรนไชส์ ด้วยรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายโมเดล เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละทำเลพื้นที่ และงบประมาณการลงทุน ปัจจุบัน ร้านกาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาเปิดให้บริการกว่า 500 สาขา มีสัดส่วนของสาขาที่ยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 70% สาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 30% ซึ่งภายในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1,500 สาขาทั่วประเทศ โดยเปิดรับแฟรนไชส์รายใหม่ๆ โดยลงทุนเริ่มต้นเพียง 1.25 ล้านบาท/สาขา เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ง่ายๆ อีกด้วย

2.การออกสินค้าใหม่ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากคู่แข่ง โดยชูวัตถุดิบของไทยรสชาติดี และหาทานได้ยาก มาทำเป็นเครื่องดื่ม ทั้งน้ำตาลดอกมะพร้าวจากอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ตาลโตนดจาก อ.สทิงพระ จ.สงขลา ส้มมะปี๊ด จาก จ.จันทบุรี และสินค้าใหม่ล่าสุดอย่าง “ไทยดีเสริฐ” ขนมไทยดื่มได้ ที่ใช้วัตถุดิบ ลอดช่อง จาก จ.เชียงใหม่ และฝอยทองจากอยุธยา นอกจากจะเป็นการสร้างความน่าสนใจของสินค้าของทางพันธุ์ไทยแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นและตั้งใจสนับสนุนชุมชน และเกษตรกร ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต สร้างงาน สร้างอาชีพให้ชุมชนและเกษตรกร ให้ “อยู่ดีมีสุข” และเติบโตอย่างยั่งยืน

Advertisement

3.การวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางดิลิเวอรี่ โดยเน้นความสะดวกการเข้าถึงของลูกค้า เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ และการมองเห็นของแบรนด์ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลในปี 2564 ที่ผ่านมายอดขายผ่านช่องทางดิลิเวอรี่เติบโตมากขึ้นถึง 4 เท่า

4.การนำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก Max Card และ Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 17 ล้านคนทั่วประเทศ มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพิ่มยอดขาย และเพิ่มทั้งความถี่ของการเข้ามาใช้บริการในร้านกาแฟพันธุ์ไทยให้เพิ่มมากขึ้น

ด้าน น.ส.บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ที่ปรึกษาด้านแบรนด์ดิ้ง กาแฟพันธุ์ไทย กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้เราจะ refresh แบรนด์ใหม่ ผ่านวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่เปรียบเสมือนเป็น “ดาวเหนือ” ในการทำให้แบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย เป็นแบรนด์กาแฟของ “คนไทยพันธุ์ใหม่” ที่มีความกล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งใหม่ๆ รวมไปถึงการใช้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ซึ่งเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความกล้าที่จะคิดรวมถึงการใช้ชีวิตนอกกรอบ จะสามารถช่วยสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และมุมมองใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยของเราอย่างแน่นอน ซึ่งสุดท้ายนี้ภารกิจของเราคือการเปิดและสร้างสรรค์โอกาสให้คนผู้คนที่อยากแสดงศักยภาพความเป็นคนไทยพันธุ์ใหม่ให้เกิดขึ้นกับแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทย

Advertisement

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสครบ 10 ปี กาแฟพันธุ์ไทย ได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ส่งแคมเปญ “เวลาเป็นไท”แคมเปญที่ได้ใจ “คนทำงาน” ในหลากหลายอาชีพ ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับแคมเปญ อาทิ การสนับสนุนให้เวลาเป็นไทของพนักงานออฟฟิศ ชวนมาพักผ่อนด้วยการดื่มกาแฟในช่วงเวลาเป็นไท ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก 3 พาร์ทเนอร์ ได้แก่ AP Thailand, SEAC และ Shopee Food ในการร่วมแคมเปญเพื่อมอบเวลาเป็นไทกับพนักงานทุกคน

พร้อมเตรียมยกทัพ “คาราวานพันธุ์ไทย” ส่งมอบเครื่องดื่มคุณภาพจากร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อเป็นการขอบคุณบริษัทพาร์ทเนอร์ และมอบรางวัลในช่วงเวลาเป็นไทให้แก่พนักงานทุกท่าน รวมถึงการเปิดอิสระในการสร้างอาชีพให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทยได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับส่งโปรโมชั่นฉลองครบรอบ 10 ปี ในช่วง “เวลาเป็นไท” ตั้งแต่วันที่19 กันยายนเป็นต้นไป สั่งเครื่องดื่มจากร้านกาแฟพันธุ์ไทยแก้วที่ 2 ได้ในราคาเพียง 10 บาทเท่านั้น (เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯกำหนด) พร้อมโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image