อั้นไม่ไหว ‘ไทยพาณิชย์’ เคาะขึ้นดอกเบี้ย 3 ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 ตุลาคม 2565 คณะกรรมการ(บอร์ด) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ความสอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบายอีก 0.25% โดยจะเป็นอัตราเท่าไหร่นั้นขอให้รอผลประชุมและอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ปรับขึ้นจะมีผลในทันที อย่างไรก็ตาม ไทยพาณิชย์จะดูแลกลุ่มลูกค้าต่อไป
“ไม่แน่ใจว่าเราจะเป็นแบงก์ที่สองที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อจากแบงก์กรุงเทพที่ประกาศไปแล้วหรือไม่ เชื่อว่าหลายธนาคารคงตั้งใจประกาศพร้อมกันในสัปดาห์หน้า หรือวันจันทร์นี้” นายกฤษณ์กล่าว
นายกฤษณ์กล่าวว่า สำหรับการเตรียมรับมือกับดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งอาจจะมีการขยับขึ้นอีกในครั้งต่อไปนั้น ต้องรอดูผลจาการขึ้นในครั้งนี้ว่าในภาพรวมเศรษฐกิจพอไปได้หรือไม่ เพราะถ้าเกิดไปได้อาจมีโอกาสในการปรับขึ้นอีก แต่ถ้าเกิดทำแล้วมีโอกาสในเชิงลบ เชื่อว่า ธปท.คงอยากให้ธนาคารส่วนใหญ่ไม่ขึ้นจนแรงเกินไป ซึ่งไทยพาณิชย์เองคงต้องสอดคล้องกับนโยบายที่จะมีสมูทเทคออฟ (Smooth take off) คงไม่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตามคาด “กนง.” เอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มีผลทันที ดัน ดบ.ล่าสุดแตะระดับ 1% ต่อปี
- ‘รองพงษ์’ ชี้ กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไม่สะเทือน ศก. ลั่นดอกเบี้ยไทยต่ำกว่าประเทศอื่นเยอะ
นายกฤษณ์กล่าวว่า ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยแบบขั้นบันได หรือครั้งเดียวเลยนั้น มี 2 มุมมอง ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปมุมมองไหน และบางคนมองว่าถ้าขึ้นก็ขึ้นทีเดียวเลย ขณะที่บางกลุ่มอาจมองว่าถ้าขึ้นก็ขึ้นเป็นขั้นบันได ขึ้นเป็นขั้นบันไดความเสี่ยงก็คือถ้าเกิดขึ้นไปแล้วมีปัญหา ขึ้นอีกไม่ได้ อาจผิดแผน เพราะประเภทสินเชื่อแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าแต่ละธนาคารมองกันอย่างไร
“ก็มีทั้ง 2 โจทย์ว่าขึ้นไปรอเลย หรือค่อยๆ ขึ้น แต่ค่อยๆ ขึ้นก็อาจมีความเสี่ยงว่าขึ้นต่อไม่ได้” นายกฤษณ์กล่าว
นายกฤษณ์กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเหลือ 3 เดือนของปี 2565 จากคำคาดการของ Economic Intelligence Center (EIC) ของไทยพาณิชย์เชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้น่าจะโตได้ 3% และเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ผ่านการเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาสัก 10 ล้านคน ดังนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ 3% คงได้เห็น ซึ่งตัวนี้เป็นตัวเลขสำคัญที่ทำให้เป็นตัวดัชนีชี้วัดว่าประเทศไทยจะกลับมาเต็มที่หรือไม่ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ แน่นอนว่าประเทศจีนยังไม่เปิดเต็มที่ เงินเฟ้อก็ยังสูง พลังงานถึงแม้ว่าลงมาก็ยังผันผวน คงต้องรอดู
