‘เศรษฐา’ มองเลือกตั้งจุดเปลี่ยนประเทศ สะท้อนภาวะผู้นำ ไม่ต้องเก่งภาษา ขอหัวการค้า เข้าใจปชช.

‘เศรษฐา’ มองเลือกตั้งจุดเปลี่ยนประเทศ สะท้อนภาวะผู้นำ ไม่ต้องเก่งภาษา ขอหัวการค้า เข้าใจปชช.

เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 11.20 น. ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ หนังสือพิมพ์มติชน จัดเสวนา หัวข้อ “ท้าชน PERFECT STORM ทางรอดเศรษฐกิจไทย” โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองหัวข้อ “จับทิศเศรษฐกิจ-สังคมไทย ในพายุวิกฤต” ว่า การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565 ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี แต่ไม่แน่ใจว่าสายไปหรือไม่ แต่เรื่องการบ้านต้องทำไว้ก่อน เพราะเป็นประเทศเล็ก เราฝักใฝ่ประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการที่เราค้าขายกับทุกคน ซึ่งเราทำมาดีโดยตลอด ฝากไว้กับท่านผู้นำ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำมาแค่เทคแคร์ เลี้ยงต้มยำกุ้งอย่างเดียว มันต้องมีประโยชน์ที่อื่นด้วย

“จริงๆ แล้วแอบดีใจนิดหนึ่งนะ เพราะคนรุ่นใหม่อย่างคุณพสุ ลิปตพัลลภ ได้แตะเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ หรือเรื่องการเมืองภูมิภาค ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องที่เราไม่ได้อยู่ในโลกของตัวเราเอง ประเทศไทยเราเอง เราอยู่ในจุดที่ตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่สำคัญของทั้งประเทศญี่ปุ่น จีน สหรัฐ เราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ต้องมีความถ่อมตนในการเข้าหากับทุกคน ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง“ นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ยกตัวอย่าง ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย จะจัดจี20 ก่อนจะจัดเอเปค ซึ่ง 4-5 เดือนที่แล้ว เขาบินไปต่างประเทศบ่อยทั้งประเทศยูเครน รัสเซีย การที่เขาบุกเยือนประเทศที่ใหญ่กว่า และถ่อมตนเข้าถึงได้ก็ส่งผลให้ไบเดนบินมาร่วมงานจี20 การที่เขาบินไปทำการบ้านไว้ก่อนจะมีการประชุมใหญ่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งการประชุม จี20 จะจัดในอีก 1 เดือนข้างหน้า ก่อนการประชุมเอเปค จริงๆ แล้วเป็นเพียงพิธีการเฉยๆ แต่งานหลักควรจะทำมานานแล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมเกิดขึ้น

นายเศรษฐากล่าวว่า หลังโควิดหมดแล้ว เป็นช่วงขาขึ้นที่ประเทศไทยต้องมาดูว่าจะใส่ตัวเร่ง และปลดล็อกให้ปัญหามันหมดไปได้อย่างไร ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นสัดส่วน 20% ของจีดีพี และหน่วยงานรัฐให้ความสำคัญ เรื่องการเงินของประเทศ เงินทุนสำรองที่มีอยู่สูงมากประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นลำดับ 12 ของโลก มั่นคงมาก สามารถทำให้กู้ได้เพื่อทำให้ชีวิตเราและประเทศดีขึ้น

Advertisement

นายเศรษฐากล่าวว่า อีกเรื่องที่จะดีขึ้นคือการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2566 และจะสามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งถัดไปเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องออกมาใช้สิทธิอย่างสมบูรณ์ ถ้าเกิดชอบกับรัฐบาลเก่าที่เขาทำงานตามนโยบายที่มาถูกใจโดนใจก็ออกไปใช้สิทธิ เพราะถ้าเกิดไม่ชอบอยากจะเปลี่ยน อยากจะเลือกคนอื่นก็ศึกษาให้ดีในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

“ในการเลือกตั้งมีเรื่องจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ที่มีจำนวน 500 คน 400 คนเป็น ส.ส.เขต 100 คนเป็นระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่ง 500 คน ผู้ทรงเกียรติจะถูกเลือกโดยประชาชน ส่วนส.ว. 250 เสียงมีสิทธิที่จะมาเลือกนายกฯ ผมขอฝากไว้ว่าประเทศไทยเรามีการปกครองระบอบประชาธิปไตย เชื่อว่า 500 คะแนนเสียง ถ้าเกิดว่ามีพรรคใดกลุ่มใดที่ได้เกิน 250 เสียงไปแล้ว ถือว่าเป็นฉันทามติของประชาชน มีหน้าที่ ต้องคิดให้ดีเพราะมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี“ นายเศรษฐากล่าว

นอกจากนี้นายเศรษฐากล่าวช่วงหนึ่งถึงภาวะผู้นำประเทศที่คาดหวังและเหมาะสมว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศมีระบอบประชาธิปไตย ผู้นำที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ต้องเป็นคนที่เข้าใจถึงความต้องการของประชาชน ซึ่งการจะมีความเข้าใจได้ จะต้องเป็นผู้นำที่เข้าถึงได้ แต่ในแง่ของการปฏิบัติถ้าเกิดจะเข้าถึงได้กับคน 69 ล้านคนก็ลำบาก แต่ในระบบมีสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 500 คน การที่ให้ ส.ส.เข้ารับฟังปัญหากับประชาชนแบบตั้งใจฟังในการแก้ไขปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ส.ส.คือตัวแทนของประชาชน การเข้าถึงได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง

Advertisement

นอกจากนี้ เรื่องภูมิศาสตร์ หรือการเมืองระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยไม่ได้ยืนอยู่ในโลกของเราเอง เรื่องภาษา ถ้าเกิดมีผู้นำคนต่อไปก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ขอให้มีความคิด ความเข้าใจ เมื่อต้องทำการค้าระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่จำเป็น หรือไม่จำเป็น หรืออาจจะต้องซื้อบ้าง ไทยต้องดูว่ามีอะไรไปแลกเปลี่ยนบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ ดังนั้น เรื่องภูมิรัฐศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญ

“เราต้องอยู่กับเพื่อนบ้าน เราต้องอยู่กับมหาอำนาจ เราต้องเข้าหาเขา โดยการใช้ล่าม เข้าไปติดต่อและกล้าพูด กล้าต่อรอง” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ดังนั้นถ้าคำนึงถึงด้านพฤติกรรม 2 เรื่องหลักของผู้นำ เป็นเรื่องที่นำมาซึ่งความเสมอภาค การช่วยลดความเหลื่อมล้ำพอสมควร และไทยเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อผ่านวิกฤตมาก็มาก อยากให้ท่านผู้นำลองทำในสิ่งที่ถูกต้องมากหน่อย และอาจถูกใจน้อยหน่อย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ต้องกล้าทำ

เมื่อพิธีกรได้คำถามจากคำตอบนั้น จึงได้ถามต่อว่าอันนี้เป็นการเตรียมตัวสำหรับตัวเองหรือไม่?

“คาดว่าประเทศไทยมีคนที่เหมาะสมกว่าเยอะ ในวันนี้ ตรงนี้ ได้ทำหน้าที่ของหุ้นส่วนประเทศไทย ประชาชนคนไทยคนหนึ่งมาพูดคุยกัน วันนี้อาจจะถูกอาจจะผิด ต้องขอประทานโทษด้วย แต่ว่าผมมีจิตใจบริสุทธิ์อยากให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้นในประเทศนี้ ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไรก็ตามที หลายๆ ท่านก็สามารถช่วยประเทศเดินไปข้างหน้าได้” นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image