นางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่นโดยถือหุ้นในบริษัทอมตะ เวียดนาม ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายโดนัล ทรัมป์ มีนโยบายยกเลิกนโยบายข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) นั้น จากการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) วิเคราะห์ว่ากรณีที่เวียดนามไม่ได้ประโยชน์จากทีพีพีจะทำให้เศรษฐกิจโตปีละ 5-6% ซึ่งปัจจุบันจีดีพีเวียดนามโตในระดับ 5-6.5% จะเห็นได้ว่าแม้จะไม่มีทีพีพีเศรษฐกิจเวียดนามก็เติบโตในระดับ 5-6% อยู่แล้ว
นอกจากนี้ เวียดนามยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอยู่ เช่น เขตการค้าเสรี และอาเซียนบวก 6 อีกทั้งมีภูมิประเทศที่อยู่ใกล้ประเทศจีน ทำให้มีความน่าสนใจในด้านการขนส่ง ในส่วนของบริษัทนั้นเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบกรณีที่เวียดนามไม่ได้ทีพีพีคือกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม
ส่วนยอดขายที่ดินนั้นคาดว่าในปี 2559 จะต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะทำได้ 25 เฮกตาร์ โดยอาจทำได้เพียง 12.5 เฮกตาร์ ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมาขายได้แล้ว 5.7 เฮกตาร์ และมีที่ดินรอการโอน 8.8 เฮกตาร์ เพราะยังมีความล่าช้าจากการเวนคืนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเบียนหัว ส่วนปี 2560 ตั้งเป้าขายที่ดิน 20 เฮกตาร์ ส่วนงบลงทุนในปี 2560 นั้นเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ 3,200 ล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง
