‘สุพันธุ์’ ชี้ 9 ปีเอสเอ็มอีไทยหนี้ท่วม ทางรอดต้องกลับมาเป็นวาระแห่งชาติ

‘สุพันธุ์’ ชี้ 9 ปีเอสเอ็มอีไทยหนี้ท่วม ทางรอดต้องกลับมาเป็นวาระแห่งชาติ

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการผลักดันให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ สืบเนื่องจากการแถลงเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจ ของพรรคไทยสร้างไทย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 

ปัจจุบันผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ทั้งจากสภาวะหนี้สินที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตมีหนี้เสียอยู่ในระบบกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 4.3 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 2.3 ล้านบัญชีในช่วงปีที่แล้ว และมีมูลค่าหนี้กว่า 4.8 แสนล้านบาท SMEs ไทยยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ และความสามารถในการแข่งขันยังเสียเปรียบทุนขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถแข่งขันกับทุนต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ ทั้งๆ ที่มีแรงงานอยู่ในภาค SMEs นั้น เกือบ 30 ล้านคน แต่รายได้ที่เกิดจาก SMEs กลับมีอยู่ประมาณร้อยละ 30 ของ GDP เท่านั้น

Advertisement

 

ความพยายามในการผลักดันให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาตินั้น มีมาตั้งแต่ช่วงปี 2557 ในสมัยที่ตนยังเป็นประธานสภาอุตสาหกรรม และเมื่อถูกเชิญให้ไปเป็น สนช. ตนก็พยายามผลักดันเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อผ่านวิกฤตโควิด-19 มายิ่งเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาค SMEs มากพอ แม้จะมีความพยายามในการฟื้นฟู SMEs ผ่านโครงการ ซอฟท์โลนต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยเงินกู้ออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะติดกับดักของวิธีคิดแบบธนาคาร และ กฎระเบียบต่างๆ เช่น สภาพคล่องทางการเงินของลูกหนี้และเครดิตบูโร

Advertisement

นายสุพันธุ์ อธิบายว่า สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข ณ ปัจจุบัน คือการปลดล็อกหนี้เสียให้กับประชาชน โดยเฉพาะในภาค SMEs เจาะจงไปยังหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาดนั้น ผู้ประกอบการจำนวนมากเป็นลูกหนี้ชั้นดีมาก่อน แต่มาขาดทุนและดำเนินกิจการไม่ได้ เพราะมาตรการต่างๆ ของรับในช่วงวิกฤตโควิด รัฐจึงจำเป็นต้องเร่งปลดหนี้ โดยนายสุพันธุ์ได้ชูนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เรื่อง กองทุนปลดล็อกหนี้เสีย ที่จะเร่งแก้ปัญหาดอกเบี้ยสะสมให้กับหนี้เสียในระบบ และ คืนศักยภาพและโอกาสในการกู้ใหม่ให้กับประชาชนเพื่อจะนำไปต่อยอดทางธุรกิจให้ประชาชนฟื้นตัวต่อได้

 

หลังจากฟื้นฟูหนี้เสียแล้ว สิ่งที่จะทำต่อไปคือการตั้งกองทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ กองทุน SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการได้กลับมาทำธุรกิจ หลังจากฟื้นสภาวะหนี้ได้ โดยนายสุพันธุ์ระบุว่ากองทุนเหล่านี้จะแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินและวัตถุประสงค์ของประเภท ธุรกิจ เพื่อเป็นการเติมทุนให้กับนักธุรกิจ โดยเงินกู้ที่จะปล่อยกู้นั้นต้องมีดอกเบี้ยต่ำและต้องเข้าถึงได้โดยง่าย สิ่งสำคัญคือต้องปรับลดกฎเกณฑ์ในการปล่อยกู้ลงไป ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้อย่างเร็วและง่ายที่สุด โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจที่ประเทศไทยมีศักยภาพก่อน เช่น กองทุนสำหรับผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวและวิสาหกิจชุมชน

 

นอกจากผู้ประกอบการระดับ SMEs แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดนาโนและไมโคร ที่ประสบปัญหาเงินกู้นอกระบบ หรือเงินกู้รายวัน เช่น พ่อค้าแม่ค้าในตลาด หรือ พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่ต้องมีเงินหมุนแบบวันต่อวัน โดยพรรคไทยสร้างไทยจะตั้งกองทุนเครดิตประชาชนขึ้นมา ให้ประชาชนทุกคนมีเครดิตตั้งต้น โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ผ่อนชำระเป็นรายวันได้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระเป็นรายวันได้ เพื่อให้ประชาชนหลุดจากวงจรหนี้นอกระบบ

 

“ตลอดระยะเวลา 8 ปีกว่าที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะมีการออกมาประชาสัมพันธ์อยู่บ่อยครั้งว่าจะทำให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ แต่ยังไม่เคยเห็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันนโยบายดังกล่าวเลย ในฐานะคนที่เติบโตมาจากธุรกิจ SME และผลักดันเรื่องดังกล่าวมาตลอด จะอาสาทำให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติเพื่อทำให้เศรษฐกิจปากท้องของประเทศกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง”นายสุพันธุ์ทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image