จอดป้ายประชาชื่น : บาทอ่อนทุบเศรษฐกิจไทย

จอดป้ายประชาชื่น : บาทอ่อนทุบเศรษฐกิจไทย

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ทิศทางค่าเงินบาทเคลื่อนไหวฝั่งอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นผลพวงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับดอกเบี้ยนโยบายรุนแรง ส่งผลให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าฉุดให้ค่าเงินบาทอ่อนทะลุ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งการอ่อนค่าครั้งนี้ไม่สร้างประโยชน์ต่อภาคส่งออกมากนัก

แม้การส่งออกไตรมาส 1/2565 ขยายตัว 12.7% มูลค่า 4.9 ล้านล้านบาท ทว่าความหวังอันรุ่งโรจน์ก็มีอุปสรรค เนื่องจากการส่งออกลดความร้อนแรง โดยไตรมาส 4/2565 คาดว่าเติบโตเพียงตัวเลขหนึ่งหลักจากออเดอร์สินค้าน้อยลง เป็นผลจากการชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลกเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยจากปัญหาภายในประเทศที่นำโดยสหรัฐ ยุโรป จีน ถ้ากลุ่มนี้เผชิญกับความเสี่ยงจะส่งผลกับหลายประเทศทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่การนำเข้าเจอผลลบเพราะมีรายจ่ายมากขึ้นจากการตั้งราคาสินค้านำเข้าด้วยสกุลเงินเหรียญสหรัฐ อีกทั้งกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งกระฉูดเมื่อน้ำมันเป็นวัตถุดิบหลักต้องนำเข้า ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนยิ่งสร้างความกังวลต่อเงินเฟ้อทรงตัวระดับสูง รวมถึงกำลังซื้อภาคประชาชนลดลงเพราะสินค้าราคาแพง

Advertisement

กรณีนี้ ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) ระบุว่า หากบาทอ่อนในบริบทปกติจะเป็นผลบวกต่อการส่งออก แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับกันเพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน คำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าลดปริมาณลง ค่าระวางเรือลดราคา ตู้คอนเทนเนอร์ปล่อยว่างหลายตู้ สะท้อนการส่งออกแผ่ว ส่วนการนำเข้ารับผลกระทบชัดเจนจากต้นทุนสูง ซึ่งไทยนำเข้ามากกว่าส่งออก จึงทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ดังนั้น ค่าเงินไหลอ่อนเร็วขึ้นไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้าดูแลค่าเงินช่วงผันผวนและยืนกรานว่าจะไม่กระทบเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แต่มุมเอกชนยังหวั่นใจต่อสัญญาณความเสี่ยง จากนี้ต้องลุ้นเงินบาทแข็งค่าและภาวนาให้รัฐเตรียมแผนแก้เศรษฐกิจให้รอดตายในยุคบาทอ่อนนี้!

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image