‘ไทยยูเนี่ยน’ ยืนหนึ่ง ปั้นยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 40,756 ล้านบาท

ไทยยูเนี่ยนยืนหนึ่ง ปั้นยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 40,756 ล้านบาท

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2565 ด้วยยอดขายและกำไรสุทธิประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งของบริษัท ปัจจัยบวกจากอัตราแลกเปลี่ยน และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ยอดขายระหว่างเดือนกรกฎาคมกันยายน สูงสุดอยู่ที่ 40,756 ล้านบาท เติบโต 14.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,530 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า แม้จะมีแรงกดดันในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ที่ยังส่งผลอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคที่ไทยยูเนี่ยนดำเนินธุรกิจอยู่ แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการได้ดี ผ่านการเจรจาต่อรองด้านราคากับลูกค้า มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงทั้งในด้านวัตถุดิบหลักและอัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ความหลากหลายของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนอัตราการทำกำไรที่สูง ทั้งหมดนี้ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สำหรับไตรมาส 3/2565 ไทยยูเนี่ยนมียอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องอยู่ที่ 16,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมาจากกำลังซื้อที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นยังคงที่อยู่ในระดับใกล้เคียงจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 14,820 ล้านบาทโดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ยอดเยี่ยม โดยมียอดขายอยู่ที่ 8,951 ล้านบาท เติบโต 55.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการที่สูง ราคาขายที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการผลักดันอย่างต่อเนื่องให้ธุรกิจของเรามีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเรื่องของนวัตกรรม และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยผลการดำเนินงานของเราในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า การที่เราให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งไปพร้อมกับขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่นำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนานั้น สามารถส่งผลบวกต่อธุรกิจท่ามกลางสภาวการณ์ต่างๆ ที่เป็นแรงต้านในธุรกิจได้นายธีรพงศ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image