“กสิกรไทย” ปักธงธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 2 แสนล.

“กสิกรไทย” ปักธงธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 2 แสนล.-หนุนลูกค้ารายเล็ก 1.9 ล้านราย

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กสิกรไทยขับเคลื่อนธุรกิจธนาคารด้วย ESG วางยุทธศาสตร์ นำพาลูกค้าและธุรกิจไทยเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน มุ่งมั่นเป็นธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าเสริมศักยภาพลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่มาตรการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ อัดฉีดสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าไปสู่ 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 พร้อมขับเคลื่อนสังคมช่วยลูกค้ารายเล็กให้เข้าถึงสินเชื่อ โดยในปี 2565 ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายเล็กกว่า 5 แสนราย มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท เล็งขยายสินเชื่อรายเล็กให้ได้ 1.9 ล้านราย ภายในปี 2568 ขณะเดียวกันทุกสินเชื่อโครงการและเครดิตเชิงพาณิชย์ของลูกค้าขนาดกลางขึ้นไป เข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยง ESG ครบ 100% แล้ว และพร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือทั้งอีโคซิสเต็มเพื่อให้ลูกค้า สังคม และประเทศ เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

ขณะเดียวกัน จากบริบทการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงมุ่งสู่วิถีแห่งความยั่งยืนมากขึ้น สะท้อนผ่านพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่ผู้บริโภคนำประเด็นความยั่งยืนมาประกอบการตัดสินใจ นักลงทุนใช้เกณฑ์ ESG ประกอบการพิจารณาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลทั้งในและต่างประเทศออกมาตรการด้าน ESG ที่ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากธุรกิจปรับตัวไม่ทันจะทําให้ต้นทุนในอนาคตสูงขึ้น ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสินค้าและบริการสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน แต่หากปรับตัวได้ทันก็จะสามารถคว้าโอกาสไว้ได้

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ธนาคารมีแผนงานและเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ดังนี้ 1.มิติสิ่งแวดล้อม ธนาคารประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งในการดำเนินงานของธนาคาร และในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร โดยในปี 2565 มีการดำเนินงาน แล้ว ได้แก่ ทยอยเปลี่ยนรถยนต์เป็นไฟฟ้า (อีวี) ติดตั้งโซลาร์รูฟบนอาคารสำนักงาน และสาขาที่ธนาคารเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 13.52% (เทียบปีฐาน 2563)

อีกทั้งได้ดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร เริ่มจากการประเมินก๊าซเรือนกระจกในพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งในปี 2565 ธนาคารประเมินและจัดทำแผนกลยุทธการลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม จำนวน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มเหมืองถ่านหิน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร และเตรียมขยายการทำงานร่วมกับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญอื่นๆ ตามลำดับ

Advertisement

รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ธนาคารให้สินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในปี 2565 ไปแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท และเตรียมจัดสรรเงินทุนด้านความยั่งยืนรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างต่อเนื่องรวม 200,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 และพัฒนาบริการทางการเงินผสานเทคโนโลยีและความร่วมมือกับพันธมิตร เชื่อมต่อความร่วมมือตลอดซัพพลายเชน ออกโครงการที่เป็นมากกว่าบริการทางการเงินเพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงไลฟ์สไตล์กรีนได้ง่ายยิ่งขึ้น และกระจายสู่วงกว้างได้มากขึ้น

นายกฤษณ์ กล่าวว่า 2.มิติสังคม ธนาคารกำหนดยุทธศาสตร์สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงินและไซเบอร์ ดังนี้ สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายเล็ก ได้แก่ ลูกค้าบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจไม่มีบัญชีเงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยธนาคารจะพิจารณาอนุมัติจากข้อมูลอื่นๆ ประกอบ รวมถึงลูกค้าธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2565 ธนาคารให้สินเชื่อลูกค้ารายเล็กเป็นจำนวนกว่า 500,000 ราย มูลค่าสินเชื่อกว่า 23,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายปี 2568 จะให้ลูกค้ารายเล็กจำนวน 1,900,000 ราย เข้าถึงสินเชื่อได้ รวมถึงให้ความรู้ทางการเงินและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยการออกแคมเปญสื่อสารที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ เข้าถึงลูกค้าได้ 10 ล้านราย ในปี 2566

และ 3.มิติธรรมาภิบาล ธนาคารให้ความสำคัญเรื่องเกณฑ์การพิจารณาตามหลัก ESG เพื่อดูแลให้สินเชื่อที่ปล่อยไปจะไม่สร้างผลกระทบเชิงลบแก่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้ทุกสินเชื่อโครงการและเครดิตเชิงพาณิชย์ของลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางขึ้นไป ต้องเข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ทั้ง 100% โดยในปี 2565 มีสินเชื่อที่ผ่านกระบวนนี้ กว่า 340,000 ล้านบาท

Advertisement

“ตลอดระยะเวลาที่ธนาคารทำงานโดยนำหลักการ ESG เข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการ พบว่ามีความท้าทายสำคัญในประเด็นการจัดการที่ต้องพิจารณาจากมิติที่หลากหลาย ดังนั้น หัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน คือ ต้องรักษาสมดุลการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง และต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง”นายกฤษณ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image