ธุรกิจอีสาน โวยค่าไฟแพงเว่อร์ จี้ทบทวนสูตรคำนวณเอฟที ฉะซ้ำเติมค่าแรง-วัตถุดิบแพง

ธุรกิจอีสาน โวยค่าไฟแพงเว่อร์ จี้ทบทวนสูตรคำนวณเอฟที ชี้สวนทางบาทแข็ง ฉะซ้ำเติมค่าแรง-วัตถุดิบแพง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าว่า อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการ กกพ.นำเรื่องนี้กลับไปทบทวนสูตรคำนวณใหม่ เพราะราคาใน 3 ทางเลือกดังกล่าวคำนวณจากสมมุติฐานค่าเงินบาท 38-40 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความเป็นจริงขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งตัวมาอยู่ที่ 35.73 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ค่าไฟควรที่จะลดลงกว่านี้ได้อีก หรือประมาณ 5 บาทต่อหน่วย แม้จะปรับเพิ่มค่าไฟเฉพาะผู้ใช้รายใหญ่ และลดค่าไฟให้กับผู้ใช้รายย่อย แต่เมื่อโรงงานอุตสาหกรรม หรือผู้ใช้รายใหญ่มีต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้นก็ต้องเพิ่มราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วย ภาระจะตกกับประชาชนผู้ใช้ไฟรายย่อยอยู่ดี

นายหัสดินกล่าวว่า ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำปริมาณการผลิตไฟฟ้ากับการใช้ไฟฟ้าในประเทศมาตรวจสอบก่อน เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามาเกินกว่าปริมาณการใช้ในประเทศสูงมาก แม้จะอ้างว่าเพื่อความมั่นคงของพลังงานไฟฟ้าในประเทศกรณีฉุกเฉินก็ตาม แต่เท่าที่ทราบขณะนี้ปริมาณการซื้อและผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยสูงกว่าปริมาณการใช้ไม่ต่ำกว่า 25% เกินกว่าความจำเป็นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าค่าไฟแพงก็ควรที่จะลดทอนส่วนนี้ลงบ้าง

ขณะที่ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าถือเป็นต้นทุนหลักของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ หากมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) จะเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจอย่างยิ่ง เนื่องจากในปี 2566 ตั้งแต่ต้นปีผู้ประกอบการต้องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้กับแรงงาน ค่าน้ำมัน วัตถุดิบต่างๆ ก็ยังทรงตัวอยู่ระดับสูง แต่อีกเรื่องที่น่ากังวลมากกว่าค่าไฟคือราคาน้ำมัน แม้ปัจจุบันรัฐบาลยังตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ารัฐบาลจะตรึงได้อีกนานแค่ไหน อีกทั้งช่วงนี้ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน หากไม่มีการต่อมาตรการเหล่านี้ ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ รวมถึงภาคประชาชนเข้าไปอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image