โรงสีอ่วม แบกรับค่าไฟแพง ตันละร้อย สวนทางราคาข้าวอ่อนตัวต่ำกว่าราคาประกัน

โรงสีอ่วม แบกรับค่าไฟแพง ตันละร้อย ผลผลิต 10 ล้านตัน จ่ายเพิ่มแล้วพันล้าน เผยช่วงนี้ราคาข้าวอ่อนตัว ต่ำกว่าราคาประกัน คาดปลายเดือดนอาจปรับตัวเพิ่ม

นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นค่าเอฟที ส่งผลให้โรงสีแบกรับต้นทุนค่าไฟเพิ่มขึ้นกว่า 100 บาท/ตัน ซึ่งภาคอีสานจะมีผลผลิตข้าวเปลือกออกสู่ตลาดประมาณ 10 ล้านตัน เท่ากับค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มจากกลุ่มโรงสีภาคอีสานอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท หากจะมีการปรับขึ้นอีกในงวดถัดไป ย่อมมีผลต่อต้นทุนค่าไฟจากการอบข้าวและสีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และคลังเก็บข้าวเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งในระยะยาวจะมีการต่อต้นทุนข้าวถึงผู้บริโภคสูงขึ้น แม้อาจปรับราคาข้าวไม่ได้เท่าต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะการแข่งขันตลาดค้าข้าวยังสูง แต่อาจเลี่ยงไม่ได้ที่จะขยับราคาบ้างในอนาคต

“หลายโรงสีหันติดโซลาร์รูฟ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ก็ช่วยได้ลดภาระช่วงกลางวันอย่างมากไม่เกิน 50% แต่กระบวนการผลิตช่วงกลางคืนยังต้องใช้ไฟปกติ เพราะต้นทุนแบตเตอร์สำรองไฟค่อนข้างแพง โรงสีขนาดกลางและย่อม ไม่มีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ ก็อยากให้รัฐบาลทบทวนหรือหาวิธีการเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรและธุรกิจ อย่างข้าว ก็อยากให้หารัฐไปเจรจาขายข้าวเพิ่ม และกำหนดราคารับซื้อที่ดีขึ้น เมื่อรายได้มากขึ้นก็ช่วยลดภาระต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง ” นายวิชัย กล่าว

นายวิชัย กล่าวถึงกรณีโรงสีบางจังหวัดในภาคกลาง ออกมาระบุว่า มีโรงสีปิดตัวมาก นั้น มีความเป็นไปได้ในหลายพื้นที่ และส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากการไม่มีงานช่วงโควิดระบาด แบกรับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นต่อเนื่องไม่ไหว เช่น ค่าแรง ค่าไฟ ขณะที่การแข่งขันของโรงสียังสูง เนื่องจากกำลังการผลิตของโรงสีทั่วประเทศ เกินความจำเป็นหรือเกินผลผลิตข้าวเปลือกออกสู่ตลาดถึง 4 เท่า แม้จะมีโรงสีปิดตัว50% ก็ยังไม่มีผลกระทบต่อระบบค้าข้าว ตอนนี้ปิดตัว 20-30% ก็ยังมีกำลังการผลิตเหลือมาก แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงสีภาคอีสาน ยังพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังมีสมาชิก 160 โรง กระจายอยู่ทั้ง 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เท่าเดิม แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องต้นทุนและสภาพคล่องยังเป็นประเด็นที่โรงสีต้องการให้รัฐเอามาดูแล

นายวิชัย กล่าวว่า ทิศทางราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ซึ่งผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ต้นฤดูครึ่งเดือนแรกพฤศจิกายน ราคาอ่อนตัว และต่ำกว่าราคาประกันรายได้ที่ 1.5 หมื่นบาท โดยอยู่ที่ 13,800 -14,200 บาทต่อตัน แต่มีโอกาสราคาจะดีดขึ้นปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม เพราะรัฐออกมาตรการคู่ขนานสนับสนุนจ่ายชดเชยเก็บข้าวยุ้งฉางและช่วยต้นทุนผลิต ทำให้ข้าวเปลือกไม่ออกตลาดมากเกินไป รวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาข้าวขยับขึ้นแล้วเฉลี่ย 1,800 บาทต่อตัน จากนี้ต้องติดตามเรื่องการส่งออกปลายปีถึงต้นปีหน้าจะชะลอตัวจากหยุดยาวปีใหม่แค่ไหน และค่าบาทแข็งหรืออ่อนลง แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาข้าวเปลือกปีนี้ไม่น่าจะลดลงจากปัจจุบันมากนัก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image