ห้ามพลาด ’ไต้หวัน’ เปิดวาร์ป 3 แลนด์มาร์กใหม่ ดึงคนไทยเที่ยว รับเปิดประเทศ

ห้ามพลาด ’ไต้หวัน’ เปิดวาร์ป 3 จุดหมายใหม่ ดึงคนไทยเที่ยว กระตุ้นศก.รับเปิดประเทศ

หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย หลายประเทศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมทุกมุมโลก กระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด ซึ่ง“ไต้หวัน”เป็นหนึ่งในประเทศ กำลังโหมแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวไทยเข้าไป

“ซินดี้ เฉิน”ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.) กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ไต้หวันเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ให้เข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมและเทศกาลที่หลากหลาย ดื่มด่ำกับความอร่อยของอาหารสไตล์ไต้หวันแท้ ๆ หลังเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเข้ามาเที่ยวไต้หวันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจ เดินทางมาเป็นกรุ๊ปแรกๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนคิดถึงบรรยกาศของการท่องเที่ยวต่างประเทศ และไต้หวันเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่คนไทยนึกถึง

ซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.)

“ในช่วง 2 ปีของการปิดประเทศ ไต้หวันได้มีการพัฒนาและเปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่มากมาย พร้อมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปสัมผัสและทำกิจกรรมต่าง ๆ  มี 3 ไฮไลต์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รอให้ไปสัมผัสประสบการณ์ “ซินดี้กล่าว

พร้อมไล่เรียง ประกอบด้วย 1. Rongjin Gorgeous Time แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเป เดิมเป็นบ้านพักราชการระดับสูงในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน สถานที่แห่งนี้ยัง คงอัตลักษณ์การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมบ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ สีน้ำตาลเข้ม หลังคาลาดเอียงเรียบง่ายเรียงรายต่อกัน

ADVERTISMENT

ภายในประกอบไปด้วยร้านค้ามากมาย อาทิ ร้านอาหาร Always Elegant ร้านขนมเบเกิล Good Cho’s ร้านขนม Jin Jin Ding ร้านแพนเค้กคาเฟ่ Kyushu และคาเฟ่ Simple Kaffa นอกจากนั้นยังมีร้านเช่าเสื้อผ้า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพเหมือนได้อยู่ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครอง อีกทั้งร้านของฝากที่รวบรวมของที่ระลึก รวมถึงร้าน Pet Shop เลือกของฝากสำหรับสัตว์เลี้ยง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า โดยมาลงที่สถานี Dongmen และเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น.

2. Babbuza Dreamfactory โรงงานเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับทุกคนในครอบครัว ตั้งอยู่ที่เมืองหนานโถว ไฮไลต์ของที่นี่คือ ต้นไม้ยักษ์ หรือ Tree of Life ที่มีความสูงถึง 30.8 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถไต่ระดับความสูงขึ้นไปบนพื้นใสๆ โดยการเดิน หรือถ้าใครชอบความแอดเวนเจอร์สามารถปีน “หน้าผาต้นไม้ยักษ์” หรือโรยตัวลงมาจากเจ้าต้นไม้ยักษ์นี้ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมไต้หวันผ่านจอ 5 มิติ ที่สัมผัสได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และจำลองการใช้ชีวิตของคนไต้หวันโบราณ ผ่านโรงจอดรถเล็ก ๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชม เปิดให้บริการเวลา10.00 – 18.00 น. และปิดบริการทุกวันอังคาร

ADVERTISMENT

3. Zhengbin Fishing Harbor หรือ “บูราโนแห่งไต้หวัน” ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะเหอผิง นครจีหลง เป็นท่าเรือที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวัน และเป็นหนึ่งในสถานที่ จัดงานแข่งเรือมังกรในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง และพบกับพิพิธภัณฑ์เรือประมงที่มีชื่อว่า “เรือศิลปะพื้นบ้าน” พิพิธภัณฑ์เรือแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนทะเล สำหรับอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ได้รับการเติมแต่งสีสันที่สวยสดงดงาม ในช่วงเวลาสาย ๆ จะพบกับเงาของอาคารสีสดสาดแสงส่องเป็นเงาลงมายังพื้นน้ำสีเขียวมรกตจนถูกเรียกขานกันว่าเป็น “บูราโนแห่งไต้หวัน” สถานที่ที่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงท่าเรือแห่งนี้ คือการกิน ชิกุวะสไตล์ไต้หวันที่เสียบไม้ย่างร้อน ๆ ที่รับรองว่าหอมอร่อยถูกปากรสชาติคนไทย โดยท่าเรือแห่งนี้เปิดทำการทุกวันและสามารถเดินทางมาได้ด้วย Taiwan Tourist Shuttle

“ซินดี้”ยังกล่าวเสริมว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจเดินทางมาไต้หวัน การท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบทัวร์ ผ่านกิจกรรม “Taiwan Special Offer, First Gift 1,000 NTD!” โดยนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพคเกจทัวร์ไต้หวัน ขั้นต่ำ 24,000 บาทกับบริษัททัวร์ที่ร่วมรายการ จะได้รับบัตร Easy Card บัตรที่นิยมใช้ในไต้หวันสามารถใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อชานมไข่มุก มาสก์หน้า ช้อปปิ้งสินค้าในตลาดกลางคืนในมูลค่า NT$599 และของที่ระลึกสำหรับการเดินทางอีก 1 ชุดทันที

“คนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่ต้องกักตัว ไม่มีระบุเงื่อนไขด้านวัคซีน ไม่ต้องขอวีซ่าการเดินทาง เพียงขอความร่วมมือตรวจ ATK ที่ได้รับจากทางสนามบินเมื่อเดินทางถึงไต้หวัน และขอความร่วมมือให้ตรวจทุก 2 วัน หากมีการออกนอกที่พัก เราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ให้ได้สัมผัสกับสถานที่ที่สวยงาม เทศกาลต่างๆ ตลอดจนวัฒนธรรมและอาหารที่หลากหลาย สมกับเป็นจุดมุ่งหมายที่ขึ้นชื่อว่าหัวใจแห่งเอเชีย (The Heart of Asia) คาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศกว่า 18,000 ราย สร้างรายได้กว่า 450 ล้านบาท” ซินดี้กล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image