‘ตลท.’ เผย ‘ปปง.’ อายัด 34 ทรัพย์สินเอี่ยว หุ้นมอร์ ยันไม่กระทบบริษัทหลักทรัพย์

‘ตลท.’ เผย ‘ปปง.’ อายัด 34 ทรัพย์สินเอี่ยว หุ้นมอร์ ยันไม่กระทบบริษัทหลักทรัพย์

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่พบเห็นในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกสั่งระงับการซื้อขายชั่วคราว (ขึ้นเครื่องหมายเอสพี) 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 14-18 พฤศจิกายน

โดยล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปลดเครื่องหมายเอสพีของหุ้นมอร์ในวันนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถซื้อขายหุ้นมอร์ได้ตามปกติ โดยการหยุดพักในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถจัดการอะไรได้ค่อนข้างมากแล้ว ส่วนผลกระทบของการปลดเอสพีของหุ้นมอร์ ได้ประเมินไว้แล้วว่าไม่มีผลต่อระบบ จึงมั่นใจในการเปิดให้กลับมาซื้อขายได้อีกครั้ง โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้สั่งไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในการได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกิดขึ้นรวม 34 รายการ พร้อมดอกผล มีระยะเวลาภายในไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่มีคำสั่งออกไปในวันนี้

“สิ่งที่คำนึงถึงมากที่สุด คือ ผลกระทบต่อภาพรวมตลาดในการเปิดให้ซื้อขายหุ้นมอร์อีกครั้ง ซึ่งการตรวจสอบดูแลในประเด็นต่างๆ อาทิ จะมีการซื้อขายมากน้อยเท่าใด หลักประกันมีประมาณเท่าใด ผลกระทบต่อตลาดเป็นอย่างไร ได้มีการประเมินภาพไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าจะไม่ส่งผลต่อระบบในภาพรวม โดยจะเห็นว่าเราได้รับความคืบหน้าเพิ่มเติมจาก ปปง.ออกมาอย่างต่อเนื่อง จากการที่ได้รับข้อมูลจากสอบสวนกลางที่ให้ไป” นายภากรกล่าว

นายภากรกล่าวว่า ขณะนี้มีความพอใจกับความสำเร็จที่ดำเนินการไปในช่วง 5 วันที่ผ่านมา เพราะได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯยังให้โอกาสกับใครก็ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขายหุ้นมอร์ที่ผิดปกติ และต้องการเปลี่ยนจากจำเลยเป็นพยาน สามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ผ่านช่องทางคอลเซ็นเตอร์ 0-2009-9999 ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีผู้ให้ความร่วมมือมากน้อยเท่าใด แต่ยังยินดีที่จะรับข้อมูลใหม่เพิ่มเติม เพื่อส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่อีก หลังจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ได้ส่งไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา

Advertisement

นายภากรกล่าวว่า ในด้านความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นความเสียหายที่จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติงานต่อไม่ได้ ซึ่งส่วนนี้ค่อนข้างมั่นใจจากการประเมินข้อมูลที่มีอยู่ ส่วนการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต อาทิ การออกเกณฑ์กำกับใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยมี 2 เรื่องที่กำลังทำอยู่คือ 1.การประเมินร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์และผู้กำกับดูแลในเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่อาจจำเป็นต้องมีการปรับปรุง และ 2.บริษัทหลักทรัพย์มีการออกรายชื่อลิสต์หุ้นที่มองว่า อาจมีการต้องปรับระดับต่างๆ จึงเห็นความคืบหน้าและการพัฒนาดังกล่าวต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงมองว่าไม่ต้องกังวล เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงดับไฟ และสัปดาห์นี้เป็นช่วงของการปรับปรุงซ่อมแซม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image