ผวา “LTV เอฟเฟ็กต์” ศูนย์ข้อมูลอสังหาคาดตลาดปี’66 หดตัว 1.1% ห่วงคนชะลอโอน
ศูนย์ข้อมูลอสังหา เปิด“เอฟเฟ็กต์” แบงก์ชาติเลิกผ่อนปรนมาตรการ LTV ทุบตลาดที่อยู่อาศัยทั้งบ้านใหม่และมือสอง หดตัวเลวร้ายสุด 11% โครงการใหม่เปิดแค่ 9.8 หมื่นหน่วย มูลค่ากว่า 5.13 แสนล้าน ยอดโอนวูบ 14.2% แนะขยายออกไปอีก 1 ปีพร้อมลดค่าโอนและจำนอง
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี 2566 จะได้รับแรงกดดันจากการไม่ต่ออายุการผ่อนคลายมาตรการเงินดาวน์ขั้นต่ำในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหรือมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีผลวันที่ 1 มกราคม 2566 คาดว่าดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวลดลง 1.1% จากปี 2565 และลดลง 11% กรณีเลวร้ายสุดเนื่องจากการไม่ต่อมาตรการ LTV ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และตลาดไม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2565
นายวิชัยกล่าวว่า โดยจากการคาดการณ์ ไม่ต่อมาตรการ LTV เทียบกับปี 2565 จะมีการได้รับใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 79,909 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.5% เปิดตัวใหม่ 98,581 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.8% เป็นแนวราบ 58,312 หน่วย อาคารชุด 40,270 หน่วย มูลค่า 513,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% แนวราบ 367,363 ล้านบาท และอาคารชุด 146,619 ล้านบาท มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 294,019 1หน่วย ลดลง 5.5% มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน 91,615 หน่วย ลดลง 0.1% มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 320,227 หน่วย ลดลง 14.2% มูลค่า 953,404 ล้านบาท ลดลง 4.4% และมีสินเชื่อปล่อยใหม่ 614,764 ล้านบาท ลดลง 4%
นายวิชัยกล่าวว่า กรณีมีผ่อนปรนมาตรการLTV จะมีรับใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 87,972 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.9% เปิดตัวใหม่ 100,307 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.6% มูลค่า 561,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 319,367 หน่วย เพิ่มขึ้น 2.7% มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน 95,984 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.6% มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,057 หน่วย เพิ่มขึ้น 5% มูลค่ากว่า 1.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% และมีสินเชื่อปล่อยใหม่ 640,400 ล้านบาท ติดลบ 0.0 4%
“อยากให้แบงก์ชาติพิจารณาขยายมาตรการLTV ออกไปถึงสิ้นปี 2566 พร้อมกับขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% เพราะตลาดอสังหาฯเพิ่งจะฟื้นตัวหลังโควิด การมีแรงส่งจากมาตรการ LTV ให้สามารถกู้ได้ 100% จะทำให้ตลาดสมูทมากขึ้น ขณะที่การเก็งกำไรซึ่งแบงก์ชาติกังวล คงมีไม่มาก เพราะเป็นการซื้อเพื่อการลงทุนมากกว่า อย่างไรก็ตาม มองว่าปีหน้าตลาดอสังหาฯยังน่าลงทุน แต่ก็ห่วงเอฟเฟ็กต์ LTV ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์อาจจะชะลอตัวทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง เพราะส่วนใหญ่เป็นการซื้อในปี 2564-2565 และรอโอนปี 2566” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับทิศทางที่อยู่อาศัยในปี 2565 มีออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 77,221 หน่วย เพิ่มขึ้น 12.7% เปิดตัวใหม่เฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล 96,803 หน่วย เพิ่มขึ้น 87.9% มูลค่า 508,264 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 132.1% เป็นแนวราบ 49,492 หน่วย มูลค่า 336,008 ล้านบาท และอาคารชุด 47,311 หน่วย มูลค่า 172,256 ล้านบาท และมีการออกใบอนุญาตก่อสร้าง 310,976 หน่วย เป็นแนวราบ 264,031 หน่วย อาคารชุด 46,945 หน่วย มีการโอนกรรมสิทธิ์ 373,253 หน่วย เพิ่มขึ้น 8.59% มูลค่า 997,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.61% เป็นแนวราบ 279,447 หน่วย และอาคารชุด 93,806 หน่วย
“ปีหน้าแรงกดดันต่อตลาดอสังหาฯ ยังมีภาวะหนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 90% แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาที่อยู่อาศัยยังปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 10% สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่” นายวิชัยกล่าว