บริษัทหลักทรัพย์ย้ำระบบ-ฐานะโบรกเกอร์แข็งแกร่ง แม้หุ้นมอร์ป่วนหนัก

บริษัทหลักทรัพย์ย้ำระบบ-ฐานะโบรกเกอร์แข็งแกร่ง แม้หุ้นมอร์ป่วนหนัก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากความผิดปกติของการซื้อขาย หลักทรัพย์ MORE ที่พบเห็นในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสภาพการซื้อขายผิดปกติ คือ มีราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด บวก 4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งวันที่สูงมากถึง 7,143 ล้านบาท ซึ่งเฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาทเท่านั้น ก่อนที่จะถูกสั่งระงับการซื้อขายชั่วคราว (ขึ้นเครื่องหมายเอสพี) 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 14-18 พฤศจิกายน จากนั้นในวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เปิดให้ซื้อขายได้ตามปกติ ส่งผลให้ราคาหุ้นมอร์ ปรับลดลงจนติดฟอร์ (ราคาต่ำสุด) อย่างต่อเนื่อง

ต่อมา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้สั่งไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในการได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกิดขึ้นรวม 34 รายการ พร้อมดอกผล มีระยะเวลาภายในไม่เกิน 90 วัน โดย ปปง.พบปริมาณการซื้อขายหุ้นที่ไม่เป็นปกติกว่า 1,500 ล้านหุ้น ในช่วงเปิดตลาด (ATO) ที่ราคาหุ้นละ 2.90 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,400 ล้านบาท ต่อมาทราบว่าผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อหุ้นเป็นคนเดียวทุกรายการคือ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ ซึ่งเป็นการส่งคำสั่งซื้อหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ประมาณ 11 แห่ง ทำให้เมื่อนายอภิมุขไม่สามารถชำระค่าซื้อหุ้นได้ ส่งผลให้ภาระการจ่ายเงินทั้งหมดตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่เป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อหุ้น ที่มีฝั่งผู้ขายผู้เกี่ยวข้องประมาณ 24 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูก ปปง.อายัดทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,376 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ระบุว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีคำสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท และโอนทรัพย์สินลูกค้าไปยังผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (เอ็นซี) ได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีเงินกองทุนต่ำกว่า 0 ติดต่อกันเกิน 5 วันทำการ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของธุรกิจหลักทรัพย์ไทย

แหล่งข่าวระบุต่อว่า ปัจจุบันยังเชื่อมั่นว่าระบบและฐานะภาพรวมของโบรกเกอร์ยังมีความแข็งแรง ทั้งระบบส่งมอบและชำระราคาหุ้น ที่ทำร่วมกับสำนักหักบัญชีประเทศไทย (จำกัด) โดยบทเรียนที่เกิดขึ้นจากกรณีของเอเชีย เวลท์ เนื่องจากมีนักลงทุนบางรายที่เห็นช่องโหว่ของระบบ และตั้งใจดำเนินการซื้อขายที่แบบผิดปกติ ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบทั้งในแง่ของสถานะการเงิน และการแก้ไขปัญหา ที่ตัดสินใจนำทรัพย์สินของลูกค้ามาใช้แบบไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า

Advertisement

ด้าน นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่าจากกรณีที่ราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์หลายวันต่อเนื่องกันนั้น ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากเนื่องจากมูลค่าหุ้นหายไป จากเดิมที่มี 1.50 พันล้านหุ้น ตอนนี้เหลือแค่ 700 กว่าล้านหุ้น ซึ่งบริษัทไม่ได้นั่งนิ่งนอนใจ มีการหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สม่ำเสมอ และได้ขอให้ขึ้นเครื่องหมาย SP หรือระงับการซื้อขายชั่วคราวก่อน เพราะประเด็นยังคลุมเครือ แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้แจงว่าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำได้ ทำให้กังวลว่าราคาหุ้นจะลงไป 0.01 บาทต่อหุ้น และจะกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยที่มีจำนวนมากของหุ้นมอร์ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image