| ผู้เขียน | ณัฐชนัน ฐิติพันธ์รังสฤต |
|---|
จอดป้ายประชาชื่น : ชาวนากับเงินข้าว
เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะผู้ปลูกข้าว ที่ถือเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
ในแต่ละปีก็ใช้เงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เมื่อปีการผลิต 2562/63 ใช้งบไป 2 หมื่นล้านบาท 2563/64 ใช้งบไปประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท ปี 2564/65 ที่ประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาท
งบประมาณดังกล่าว รัฐบาลได้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายก่อนรัฐบาลจึงใช้คืนให้ส่วนของหนี้ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง มาตรา 28 ที่กำหนดไว้ให้ได้ 30% ของงบประมาณ
โดยเฉพาะงบประกันข้าวปี 2564/65 เกิดสะดุดกึก เพราะรัฐบาลใช้จ่ายกับโครงการต่างๆ โดยเฉพาะประกันรายได้เกษตรกรจนเกือบเต็มเพดาน 30% แล้ว จึงแก้เกมด้วยการขยายเพดานออกไปชั่วคราว ที่ 35% แทน และในปี 2565 ก็ได้ทบทวนและปรับเพดานลงมาที่ 32%
ล่าสุดปี 2565/66 ทางกระทรวงพาณิชย์ได้อนุมัติเบื้องต้นรวมกับมาตรการคู่ขนาน 1.5 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลอนุมัติสำหรับประกันรายได้และชดเชยราคาขายข้าวที่ 8.1 หมื่นล้าน แบ่งไปใช้ในงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และอีก 6.6 หมื่นล้านบาท ใช้เงินตามมาตรา 28% ชนเพดาน
เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่า การใช้งบของประกันรายได้ชาวนาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกปีและที่เป็นเช่นนี้ เพราะปัญหาราคาข้าวจริง หรือรัฐบาลต้องการหล่อเลี้ยงชาวนาทั้งหลายให้เป็นฐานเสียงในการเลือกตั้งเร็วๆ นี้
ขณะที่เพื่อนบ้านก็ได้แซงไทยไปหลายก้าวแล้ว ทั้งเวียดนามที่ส่งออกข้างแซงไทยไปเป็นลำดับที่ 2 ของโลก ส่วนไทยอยู่ที่ 3 รวมถึง การแข่งขันสายพันธุ์ครั้งล่าสุด ที่กัมพูชาคว้าอันดับ 1 แทนไทยที่เคยครองตำแหน่งมา 2 ปี
หากทู่ซี้ใช้แต่เงิน แต่ไม่พัฒนาข้าวไทยแล้วเมื่อไหร่ชาวนาไทยจะลืมตาอ้าปากเสียที
