หุ้นปิดบวก 7.48 จุด นักลงทุนเมิน ‘ครม.’ ไฟเขียวเก็บภาษีหุ้น มองไม่ใช่เรื่องใหม่
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,616.91 จุด เคลื่อนไหวในแดนบวกที่ระดับ 1,624.39 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 7.48 จุด หรือ 0.46% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,625.67 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,613.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 57,772.37 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตลท. รับลูก ครม. เดินหน้าเก็บภาษีหุ้น ทำข้อเสนอป้องกันคลังเก็บซ้ำซ้อน
- ด่วน! ครม.ไฟเขียว เก็บภาษีขายหุ้นอัตรา 0.1% แต่ปีแรกเริ่มที่ 0.05%
โดย นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยดัชนีปิดบวกแม้ลดลงไปเคลื่อนไหวในแดนลบบ้างในระหว่างการซื้อขาย โดยพบว่ากรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจัดเก็บภาษีขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 นับจากกฎหมายเรื่องนี้มีผลบังคับใช้แล้ว หรือมีระยะเวลาให้ปรับตัว 90 วัน
โดยในปีแรกหลังกฎหมายบังคับใช้ จะให้เก็บในอัตราเพียง 0.05% ก่อน จากนั้นจะเก็บในอัตราปกติ 0.1% เพราะเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยให้โบรกเกอร์เป็นผู้จัดเก็บให้ เพราะต้องเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว เบื้องต้นมองว่าไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นและบรรยากาศการซื้อขาย เพราะไม่ได้เป็นปัจจัยใหม่ รวมถึงมองว่านักลงทุนคงไม่ได้ตกใจ หรือเกิดการตื่นตระหนก (แพนิก) ด้วย
นายวิจิตรกล่าวว่า หากมีการเก็บภาษีหุ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อขายและบรรยากาศการซื้อขายแน่นอน โดยเฉพาะกรอบเวลาที่วางไว้ว่าอาจเริ่มในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในสหรัฐและยุโรป ทำให้ผลกระทบจะซ้ำซ้อนกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนมากอยู่แล้ว ซึ่งอาจเห็นดัชนีหุ้นร่วงลงในไตรมาส 2/2566
อาทิ ต่างประเทศเมื่อมีการเก็บภาษีหุ้น เห็นปริมาณการซื้อขายลดลงกว่า 20% ในช่วงแรก โดยความกังวลอยู่ที่การกำหนดเก็บภาษีขาขายออก ที่หากเป็นการขายเพื่อตัดขาดทุน ก็เท่ากับนักลงทุนขาดทุนอยู่แล้ว ยังต้องเสียเพิ่มในแง่ภาษีอีก ถือเป็นการซ้ำเติมนักลงทุน ทำให้ภาครัฐจะต้องกลับไปทบทวนรายละเอียดข้างในให้รอบคอบ ว่าจะลดผลกระทบผู้ขาดทุนได้อย่างไรบ้าง เพราะควรเป็นการเก็บในแง่การมีกำไรมากกว่า
