นายแบงก์ชี้’ภูมิทัศน์ใหม่ไทยแลนด์ 2017′ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจากการมี รธน.ฉบับใหม่

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานสัมมนา “THAILAND 2017 ภูมิทัศน์ใหม่ เศรษฐกิจไทย” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนังสือพิมพ์เป็นสื่อมวลชนเลี้ยงตัวได้บนความเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวิทยาการ หากปราศจากซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็ไม่มีข่าว ไม่มีเหตุการณ์ ไม่มีความจำเป็นจะใช้บริการเรา แต่ทุกท่านทราบดีความเปลี่ยนแปลงในโลกมีแต่จะมากขึ้น เร็วขึ้น และส่งผลกระทบต่อเรารุนแรงยิ่งขึ้น ไม่มีน้อยลง หลายเรื่องเป็นเรื่องเกินสติปัญญาความสามารถของคนเป็นสื่อ ก็อาศัยผู้รู้ เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์โดยตรง และผู้ที่เตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงมาเป็นอย่างดี มาถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ในสังคม เพื่อเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ก้าวรับความเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติและเท่าทัน

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายพิเศษ “100 บริษัท อาเซียน โลกใหม่ ความท้าทายใหม่” กล่าวว่า การจัดอันดับ 100 บริษัทที่ติดอันดับรายได้สูงสุดในอาเซียน ประจำปี 2559 ของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ซึ่งใช้ข้อมูลรายได้ปี 2558 พบว่า ยอดขายและกำไรสุทธิลดลง 4% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าเกษตรปรับลดลง เมื่อดูจำนวนบริษัทในแต่ละประเทศ ไทยมีบริษัทติดอันดับมากที่สุดอยู่ 27 บริษัท ซึ่งจำนวนเท่าเดิม ส่วนอินโดนีเซียมาแรงมีบริษัทเพิ่มขึ้น 20 จาก 16 บริษัท เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ และเวียดนามน่าจับตา แต่จำนวนบริษัทมาเลเซียและสิงคโปร์ลดลง จากปัญหาเรื่องค่าเงิน และอุตสาหกรรมชะลอตัว พิจารณาแง่การเติบโตรายได้ตามอุตสาหกรรมในอาเซียน กลุ่มบริโภคเด่น ยังเติบโตต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตมากจากคนในภูมิภาคมีรายได้เพิ่มขึ้น และคนชนชั้นกลางมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคธนาคาร ยังมีการปล่อยสินเชื่อที่ยังเติบโตได้ 10% ต่อปี

“ความท้าทายในปี 2560 คือ anti-globalisation และ anti-establishment กำลังสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินโลก จะเห็นได้จาก 3 เรื่องหลัก คือ 1.เศรษฐกิจโลกติดกับดักการเติบโตต่ำ 2.อัตราดอกเบี้ยต่ำนานทำให้ไปบิดเบือนตลาดการเงิน 3.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น แต่ทำให้ช้า โดยทุกประเทศทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อุปสรรคในการดำเนินการมีค่อนข้างมาก รวมถึงเงินทุน” นายสุกิจกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานเดียวกันนี้ ในการเสวนาพิเศษหัวข้อเสวนา “ภูมิทัศน์ใหม่ เศรษฐกิจไทย” โดยนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ในปี 2560 จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ประเทศไทยจะมีกรอบกฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เตรียมประกาศใช้  รัฐบาลจำเป็นต้องออกกฎหมายมารองรับ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาที่การดำเนินกิจการของภาคธุรกิจ สิ่งที่ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยมองว่าสิ่งที่ต้องระวังในปี 2560 คือ การเมืองในภูมิภาค การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกัน และมีความไม่ชัดเจนทั้งการเมืองของสหรัฐ ยุโรป การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ นโยบายของจีน ปัญหาของประเทศญี่ปุ่น และประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใหม่ๆ เกิดขึ้น

Advertisement

นายปรีดีกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยยังเจอปัญหาเรื่องการส่งออกที่ติดลบมากว่า 3 ปีติดต่อกัน และต่อจากนี้ยังต้องเผชิญกับการกีดกันทางการค้า สภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศยังไม่โตดีนัก ซึ่งสภาอุตสาหกรรมรวมทั้งสภาหอการค้าได้พยายามปรับตัวรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมานาน ส่วนตัวมองว่าอัตราดอกเบี้ยประเทศไทยคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน แม้อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศเริ่มเปลี่ยนแปลงปรับขึ้น ซึ่งตามปกติหากเศรษฐกิจไทยดีก็จำเป็นต้องปรับขึ้นตาม แต่ในปัจจุบันประเทศไทยต้องประคองเศรษฐกิจให้มั่นคง เพราะอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากจึงต้องดำเนินอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังพบว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ลูกค้าธนาคารหันมาใช้โมบายแบงกิ้งแซงหน้าการเข้าทำธุรกรรมที่สาขาแล้ว

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื้อหาหลักของวันนี้ คือความไม่แน่นอน และความเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องตั้งรับให้ดี ความไม่แน่นอนเกิดในโลกมีทั้งสภาพเศรษฐกิจ ผลเลือกตั้งผลิกโพลของสหรัฐ ราคาน้ำมันผันผวน ประมาณการว่าราคาน้ำมันปีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงมากนักอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบัน 46-47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลกจะโต 2-3% และเทคโนโลยีดีสูบน้ำมันมาใช้ได้ง่ายขึ้น และเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

“เศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 3% จะเห็นว่าขณะนี้ภาครัฐได้เร่งลงทุนโครงการใหญ่ๆ แต่เอกชนไม่ค่อยขยับในโครงการใหญ่ๆ และสิ่งที่ละเลยไม่ได้ คือ อาเซียน ผู้ประกอบการไทยต้องมองตลาดเป็นอาเซียนไม่เฉพาะไทย เพราะเศรษฐกิจเราโตต่ำกว่าเพื่อนบ้าน และไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ซีแอลเอ็มวีเป็นสังคมกำลังเติบโต สังคมหนุ่มสาว ดังนั้น โอกาสจึงอยู่ภายนอก ส่วนเรื่องพลังงาน ยืนยันบ้านเรามีพลังงานไม่เพียงพอ ต้องนำพลังงานเข้าทุกชนิด โดยไทยมีค่าใช้จ่ายพลังงานในประเทศ 2 ล้านล้านบาทต่อปี จำนวนนี้นำเข้าครึ่งหนึ่ง แต่มีประสิทธิภาพการใช้งานต่ำ ดังนั้นภูมิทัศน์ใหม่การใช้พลังงานต้องเปลี่ยน ที่ผ่านมาเราหาพลังงานให้พอ หาราคาถูกที่สุด คือดูที่ซัพพลาย ต้องเปลี่ยนมาทำอย่างไรให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คือดูที่ดีมานด์ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต ดึงแหล่งพลังงานมาใช้บางช่วงเวลาในราคาถูก ส่งเสริมผลิตไฟฟ้าใช้กันเอง” นายอรรถพลกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image