‘บล.ทิสโก้’ ปรับเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 65 เหลือ 1,650 จุด หลังศก.ไทยอาจโตต่ำกว่าคาด

‘บล.ทิสโก้’ ปรับเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 65 เหลือ 1,650 จุด หลังศก.ไทยอาจโตต่ำกว่าคาด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้น และดัชนีหุ้นไทยนั้น จากงบประมาณไตรมาส 3/256 ที่ภาพรวมออกมาแย่กว่าคาด และ TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU) มีแนวโน้มจะหั่นประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงจากปัจจุบันที่คาดไว้จะบวก 4.1% นั้น บล.ทิสโก้ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาด (อีพีเอส) ปี 2565 เหลือ 96 บาท จากเดิม 99.90 ส่วนปี 2566 เหลือ 99.50 บาท บาท และ 103.80 บาท ส่งผลให้เป้าหมายดัชนีหุ้นสิ้นปีนี้ปรับลงจากเดิม 1,700 จุด เป็น 1,650 จุด และสิ้นปี 2566 ปรับลดลงจากเดิม 1,680 จุด เป็น 1,590 จุด ซึ่งเป็นการปรับเพื่อสะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย และรัฐบาลเตรียมเก็บภาษีการขายหลักทรัพย์

“บล.ทิสโก้ยังมองดัชนีหุ้นช่วงครึ่งแรกของปีหน้าในเชิงบวก จากโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง โอกาสเกิดการเลือกตั้ง และคาดหวังจีนจะทยอยเปิดประเทศ โดยมองหุ้นมีโอกาสที่จะขึ้นทะลุระดับ 1,700 จุด ในช่วงครึ่งปีแรกก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ไม่ไปไหนในกรอบหลักที่ระดับ 1,610-1,650 โดยเน้นหุ้นคุณภาพดีขนาดกลางถึงใหญ่ที่ยังมีอัพไซด์น่าสนใจอยู่ แนะนำ BBL, BDMS ผสานกับหุ้นที่คาดจะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนในระยะสั้น DTAC CENTEL COM7 RATCH CK และ PTG โดยแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,610 และแนวรับถัดไปที่ 1,590 จุด และแนวต้านสำคัญของดัชนีหุ้นเดือนธันวาคมนี้อยู่ที่ 1,650 (เน้น) และแนวต้านถัดไปที่ 1,680 จุด

นายอภิชาติ กล่าวว่า แม้การประชุมธนาคารกลางสำคัญในเดือนธันวาคมนี้ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) คาดว่าจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.50% เทียบกับที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งก่อน แต่บล.ทิสโก้มองตลาดหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้น 2 เดือนติดต่อกันในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ที่ผ่านมารวมกว่า 14% ได้ตอบสนองเชิงบวกไปพอสมควรแล้ว โดยหากมองไปปี 2566 เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักมากขึ้นกับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงิน ที่เข้มงวดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่หลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ยากลำบาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป  ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย

Advertisement

นายอภิชาติ กล่าวว่า นอกจากจะสะท้อนมาในส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yield) คู่ของอายุ 10 ปี และ 2 ปี ที่ติดลบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ล่าสุดส่วนต่าง US Bond Yield คู่ของอายุ 10 ปี และ 3 เดือน เพิ่งติดลบในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งบล.ทิสโก้มองว่าเป็นคู่สำคัญที่ช่วยยืนยันโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะข้างหน้าได้อย่างแม่นยำโดยใช้เวลาเฉลี่ย 19 เดือนหลัง Yield Curve ติดลบ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นจะตอบสนองล่วงหน้าด้วยการปรับตัวลงก่อนประมาณ 6 เดือน ทำให้หากอิงการปรับฐานลงครั้งใหญ่ของราคาหุ้นในอดีตเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนมากเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 เป็นต้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image