หุ้นไทยแกว่งตัวแคบ เหตุไร้ปัจจัยบวกใหม่ โบรกปัดเพราะรายย่อยชะลอลงทุนทำมูลค่าซื้อขายหด
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,620.49 จุด เคลื่อนไหวในแดนลบสลับบวกที่ระดับ 1,623.13 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.64 จุด หรือ 0.16% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,629.93 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,618.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 50,594.33 ล้านบาท
โดย นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีแกว่งตัวรอรับปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ ทำให้เคลื่อนไหวในโซนบวกหรือลบไม่มากนัก ซึ่งตอนนี้ยังมีความคาดหวังเล็กๆ ในปัจจัยสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในระยะสั้นที่จะประกาศออกมาหนุนตลาดได้ อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ของสหรัฐ ที่อาจออกมาในโทนการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้สหรัฐอาจมีการปลดล็อกมาตรการเกี่ยวข้องต่างๆ ออกมา ตลาดจึงยังมีแรงคาดหวังอยู่ โดยแรงส่งในสัปดาห์หน้าเป็นเรื่องการประชุมที่สำคัญของธนาคารกลางต่างๆ อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งทั้ง 3 รายการนี้ ตลาดคาดหวังภาพของการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% เท่านั้น ไม่ใช่ 0.75% เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ยังมีความคาดหวังอยู่ แต่ก่อนวันหยุดยาวก็อาจมีการซื้อขายที่เบาบางก่อน โดยสัปดาห์หน้าให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,615-1,640 จุด
นายวิจิตร กล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบากว่าที่ผ่านมา เนื่องจากโมเมนตัมปัจจัยบวกต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้น รวมถึง เมื่อใกล้วันหยุดยาวนักลงทุนก็จะลดการเล่นลง ยิ่งหากใกล้เข้าสู่ช่วงวันคริสต์มาส 25 ธันวาคมนี้ นักลงทุนต่างชาติก็จะเริ่มซื้อขายเบาบางลงอีก เพราะเป็นวันหยุดเฉลิมฉลองที่ค่อนข้างยาวของต่างชาติ ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เบาบางลง
นายวิจิตร กล่าวว่า ส่วนสาเหตุจากการหยุดซื้อขาย หรือชะลอคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีขายหุ้นนั้น ความจริงก็เห็นความแผ่วลงมาของปริมาณการซื้อขาย ซึ่งการชักชวนให้หยุดคำสั่งซื้อขายในวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้เห็นมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงมาบ้าง เพียงแต่มองว่าเป็นเพราะปัจจัยที่การซื้อขายค่อนข้างยาก ไม่มีโมเมนตัมใหม่ๆ เข้ามาเพื่อสนับสนุนการลงทุนมากกว่า เพราะหากมีโมเมนตัมใหม่เข้ามา ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น มีหุ้นที่พอจะซื้อขายลงทุนได้ เชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายก็คงจะไม่แห้งเหมือนตอนนี้ แต่กลับกันสัปดาห์นี้ปริมาณการซื้อขายแห้งเพราะปัจจัยภาพรวมของตลาดมากกว่า
