| ผู้เขียน | ทรรศวรรณ ทัพสุวรรณ |
|---|
จอดป้ายประชาชื่น : หนี้ครัวเรือนกับดักเศรษฐกิจ
สําหรับเศรษฐกิจไทยกำลังรอฟื้นตัวเข้าร่องเข้ารอย เมื่อเทียบกับอดีต ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่เส้นทางเศรษฐกิจปัจจุบันเข้าทรงตัว “K” ฟื้นตัวแบบขาดสมดุล หรือฟื้นในกลุ่มคนรวย กลับตกต่ำเรื่อยๆ ในกลุ่มคนจนจากภาระหนี้ครัวเรือนบ่มเพาะมานานนับปี
จากการให้ข้อมูลของ สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เผยว่า ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนไทยมีถึง 25 ล้านคน วงเงินถึง 14.7 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% ต่อจีดีพี โดยหนี้เสีย (NPL) ไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 1.09 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8.4% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 8.6% หรือ 1.1 ล้านล้านบาท
เมื่อแยกชนิดการเป็นหนี้ของลูกหนี้ 25 ล้านคนพบว่า เป็นหนี้บัตรเครดิต 5.29 แสนล้านบาท สินเชื่อส่วนบุคคล 2.5 ล้านล้านบาท สินเชื่อรถ2.5 ล้านล้านบาท สินเชื่อบ้าน 4.7 ล้านล้านบาทและสินเชื่อเพื่อการเกษตร 1 ล้านล้านบาท
เมื่อดูยอดชำระเงินก็น่ากังวลมาก เพราะหนี้เสียสินเชื่อรถและสินเชื่อบุคคล พบว่า ผิดนัดชำระในกลุ่มเจนวาย อายุ 25-42 ปี เกือบ 3.5 ล้านบัญชี และเจนเอ็กซ์ อายุ 43-54 ปี อีก 2 ล้านบัญชี รวมแล้ว 5 ล้านบัญชี ส่วนกลุ่มลูกหนี้รหัส 21 (เป็นหนี้เสียจากสถานการณ์โควิด) ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จำนวน 4.7 ล้านบัญชี มีหนี้เสียรวมสูงถึง 4 แสนล้านบาท
อีกข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัวเลขลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ณ วันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.88 ล้านบัญชี ยอดสินเชื่อที่ได้รับความช่วยเหลือ 2.98 ล้านล้านบาท
ถามผู้เชี่ยวชาญ เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ให้มุมมองกับเรื่องดังกล่าวว่า จากหนี้ครัวเรือนลดลง แม้อนาคตมีแนวโน้มขยายตัวต่ำแต่จำนวนหนี้เดิม จะลดลงยากขึ้น เพราะเศรษฐกิจมีความเสี่ยง รวมถึงไทย ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ดังนั้น ลูกหนี้จะใช้เงินอย่างระมัดระวังด้วยจำนวนเงินที่มีจำกัด หนี้ครัวเรือนยังเป็นโจทย์ยาก รัฐต้องทำมาตรการเฉพาะกลุ่มเน้นแก้หนี้ให้ได้ รวมถึงต้องสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยให้ประคองธุรกิจเพื่อนำเงินใช้หนี้
สุดท้ายทางออกเดิมที่รู้กันดี คือ เศรษฐกิจต้องกลับมาปัง คงต้องฝากความหวังกับทีมบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่ว่ากำลังจากไปหรือกำลังมา ว่าจะโชว์ฝีมือเร็วหรือช้า !
