‘เจ้าสัวใบหยก’ โอดขึ้นค่าไฟ แก้ปัญหา ศก.หรือเพิ่มภาระ ปชช. ชี้เลือกตั้งใหม่ขอ ‘นายกฯนักธุรกิจ’ ด้านเคอีแลนด์ลั่นขอปรับขึ้นค่าเช่าเดอะคริสตัลหลังเอฟทีขึ้น
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายพันธ์เลิศ ใบหยก ประธานกรรมการเครือโรงแรมและศูนย์การค้าใบหยก เปิดเผยว่า การขึ้นค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและลูกค้าที่เช่าพื้นที่มีภาระเพิ่มขึ้น เพราะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าตามค่าเอฟทีที่ปรับอัตราใหม่ และเมื่อมีภาระเพิ่มจะส่งผลไปยังราคาสินค้าและค่าบริการปรับราคาขึ้นตามไปด้วย ซึ่งของเครือใบหยกในส่วนของโรงแรมจะพยายามตรึงราคาค่าห้องไว้ให้นานที่สุด แต่หากเอาไม่อยู่คงต้องขึ้น ส่วนศูนย์การค้าคงต้องเก็บค่าไฟฟ้าจากผู้เช่าพื้นที่เพิ่ม ซึ่งค่าไฟฟ้าที่แพงสุดจะเป็นระบบปรับอากาศ เฉพาะที่ศูนย์การค้าใบหยกต้องจ่ายค่าไฟฟ้า 5 ล้านบาทต่อเดือน
“ค่าไฟบ้านพักอาศัยไม่ขึ้น แต่ทำให้ราคาสินค้าขึ้น ค่าครองชีพขึ้นตามค่าไฟ อยากจะถามการไฟฟ้าทั้งหลายว่าขึ้นค่าไฟเพื่ออะไร เพื่อให้ประชาชนเดือดร้อน แก้ปัญหาพลังงาน แก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือเพื่อผลประกอบการกันแน่ ถ้าขึ้นแล้วทำให้มีผลประกอบการดีขึ้นถือว่าไม่ถูกต้อง และเมื่อขึ้นแล้วก็ต้องมีปรับลงด้วย ซึ่งรัฐก็ต้องชั่งน้ำหนักขึ้นค่าไฟทำให้การไฟฟ้ามีผลประกอบการดีขึ้น หรือจะยอมให้ขาดทุนแล้วเศรษฐกิจดีขึ้น” นายพันธ์เลิศกล่าว
ขอนายกฯคนใหม่เป็นนักธุรกิจ
นายพันธ์เลิศกล่าวว่า สำหรับค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคการเมืองมีนโยบายจะปรับขึ้น 600 บาทต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นภายในกี่ปีถือว่าเป็นอัตราค่อนข้างสูง หากขึ้นสูงมากๆ จะทำให้เกิดการแข่งขันของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติที่จะทะลักเข้ามาจำนวนมากและแย่งงานคนไทยทำ
“ทั้งค่าไฟแพงและค่าแรงที่สูงขึ้นนั้น ทำให้ต้นทุนทั้งศูนย์การค้าและโรงแรมในเครือเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากปัจจุบันที่ก็รับแบกภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องจ่าย 100% จนหลังแอ่นอยู่แล้ว ดังนั้น หากไม่สามารถรับภาระต่อไปได้อีกคงต้องปรับค่าห้องพักและค่าเช่าเพิ่ม อยากจะให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า อยากได้นายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจมาบริหารประเทศเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ” นายพันธ์เลิศกล่าว
เดอะคริสตัลขึ้นค่าไฟผู้เช่าตามค่าเอฟที
นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด (เค.อี.แลนด์) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารพื้นที่รีเทล ”เดอะคริสตัล” เปิดเผยว่า ผลจากค่าไฟฟ้ารอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับค่าเอฟทีค่าไฟฟ้าประเภทอื่นเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าศูนย์การค้า ทำให้ต้องปรับค่าไฟฟ้าที่เก็บจากผู้เช่าเพิ่มขึ้นไปตามด้วย จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าจะเก็บแยกจากค่าเช่าพื้นที่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แล้ว 10 ศูนย์การค้า จากทั้งหมดมี 13 โครงการ สามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 3-5% ยังต่ำกว่าต้นทุนที่ปรับขึ้น 15-20%
“ช่วงต้นทุนทุกอย่างปรับขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้า เราได้ปรับค่าเช่าเพิ่มเล็กน้อยตามสัญญา ขณะที่ผู้เช่าบางส่วนก็บริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว เช่น ไม่เปิดแอร์นานขึ้น หรือพื้นที่บางส่วนที่ไม่ได้ใช้เยอะก็ปิด เป็นต้น ปัจจุบันผู้เช่าแต่ละศูนย์เฉลี่ยอยู่ที่ 95% หลังโควิดคลี่คลายทำให้ทราฟฟิกและรายได้ของเราเริ่มกลับมาเป็นปกติใกล้เคียงก่อนมีโควิดแล้ว” นายกวีพันธ์กล่าว
