‘ตลท.’ ชี้ตลาดหุ้นไทยโตกว่า 2 เท่า ขยายมูลค่าแตะ 19.86 ลลบ. ยันเรียลเซกเตอร์ไทยยังเซ็กซี่

‘ตลท.’ ชี้ตลาดหุ้นไทยโตกว่า 2 เท่า ขยายมูลค่าแตะ 19.86 ลลบ. ยันเรียลเซกเตอร์ไทยยังเซ็กซี่

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในหัวข้อ Capital Market 2023 : Evolution of the Next Growth ว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย (SET) มีขนาดใหญ่ประมาณ 11.8 ล้านล้านบาท ตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) มีมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ธุรกิจที่ใหญ่สุดเป็นทรัพยากร และ การเงิน มีสัดส่วนเท่ากันที่ 21% บริการ 18% อสังหาริมทรัพย์ 15% เทคโนโลยี 12% 10 ปีถัดมา ตลาดหุ้นไทย ที่หลายคนบอกว่าเหมือนเดิมนั้น พบว่า ตลาด SET มีขนาดใหญ่ถึง 19.3 ล้านล้านบาท ตลาดเอ็ม เอ ไอ 5.6 แสนล้านบาท รวมเป็นมูลค่ากว่า 19.86 ล้านล้านบาท โตขึ้นจาก 10 ปีที่ผ่านมา 2 เท่า องค์ประกอบในด้านธุรกิจก็เปลี่ยนไป จากเดิมธุรกิจที่ใหญ่สุดเป็นทรัพยากร และ การเงิน 21% แต่ตอนนี้เป็นภาคบริการ 25% ทรัพยากร 23% การเงินและประกันภัย 15% เทคโนโลยี 12% และอสังหาริมทรัพย์ 12%

นายภากร กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นถึงตลาดทุนไทย ที่คนอาจมองว่าเหมือนเดิมนั้น ความจริงแล้วมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีองค์ประกอบที่เติบโตขึ้นด้วยความรวดเร็วที่แตกต่างกัน ซึ่งมองว่าในอีก 10 ปีต่อจากนี้ ตลาดหุ้นไทยจะมีองค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดทุนไทย โดยการระดมทุนกจากนักลงทุนต่อจากนี้ จะไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศเท่านั้น แต่จะมาจากต่างประเทศเข้ามาด้วย มีขนาดและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น

นายภากร กล่าวว่า อุตสาหกรรมใหม่ หรือแม้แต่อุตสาหกรรมเก่า ใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับกระบวนการประกอบธุรกิจ ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ได้แก่ ธุรกิจอาหาร ที่ปัจจุบันมีการปรับรูปแบบอาหารใหม่ๆ เข้ามาจำนวนมาก มีการพัฒนาอาหารที่มีมูลค่าในตัวเองมากขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบ หรืออาหารกล่องธรรมดาแล้ว ธุรกิจการท่องเที่ยว เราเห็นนักลงทุนหรือคนเข้ามาทำงานในประเทศไทย พักอาศัยอยู่ในระยะยาวมากขึ้น มีการเข้ามารับการรักษาพยาบาล และอยู่พักฟื้นติดต่อกันหลายเดือนมากขึ้น โดยมองว่าการที่รัฐบาลสนับสนุนวีซ่าประเภทใหม่ Long-Term Resident Visa (LTR) หรือโปรแกรมที่ทำให้กระบวนการจ้างชาวต่างชาติง่ายขึ้น และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ได้รับการว่าจ้างจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจส่วนตัวของประเทศไทย ซึ่งจะได้รับวีซ่าต่ออายุ 10 ปี ซึ่งการผลักดันดังกล่าวถือเป็นตัวที่ช่วยได้มาก ในการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้น

“หากประเมินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิดได้เร็วในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากการที่สามารถปรับตัวด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน เปลี่ยนวิธีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยและผู้ประกอบการไทย มีการปรับให้เข้ากับนิวนอร์มอลได้มากขึ้น โดยตลท. และรัฐบาล มีการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพเข้ามาลงทุนมากขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ หรือธุรกิจใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ทำให้หากประเมินในภาคเศรษฐกิจจริง (เรียลเซกเตอร์) ไม่คิดว่าเรียลเซกเตอร์ไทยไม่เซ็กซี่เลย เพราะมีความพร้อมและมีความหลากหลายเพียงพอ” นายภากร กล่าว

Advertisement

นายภากร กล่าวว่า การเปิดบัญชีใหม่ในช่วงโควิดที่ผ่านมามีการเปิดขึ้นเยอะมาก จากจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้นมา 5 ล้านบัญชี โตขึ้นจาก 3 ล้านบัญชีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงการพร้อมยอมรับเทคโนโลยีใหม่ของนักลงทุนมากขึ้น โดยตลท. มีการพัฒนาระบบการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยอันใหม่ ได้แก่ ระบบไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ที่เตรียมไว้เพื่อระดมทุนในกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ตอัพต่างๆ ซึ่งสามารถซื้อหุ้นได้ในจำนวนต่ำกว่า 100 หุ้นได้ ส่วนบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย หากประเมินเทียบจากช่วงเกิดโควิด-19 พบว่า ขณะนี้มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าเป็นหลัก แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมากนัก เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว การบริการ และพลังงานเป็นหลัก

นายภากร กล่าวว่า การลงทุนในปี 2566 มี 3 เรื่องที่อยากให้พิจารณาคือ 1.ความหลากหลายของสินทรัพย์ที่มีมากขึ้นในอนาคต ไม่ได้จำกัดในหุ้น ตราสารหนี้ และกองทุนในประเทศหรือต่างประเทศอีกต่อไป ทำให้ต้องเลือกสิทรัพย์การลงทุนที่อย่างเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ 2.การสร้างพอร์ตที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการยอมรับได้ สร้างผลตอบแทนตาสที่คาดหวังไว้ และ 3.เลื่อในเรื่องราวการลงทุนอย่างไร อาทิ เชื่อว่าประเทศไทยมีจุดแข็งในการทำธุรกิจอะไรบ้าง ก็เลือกลงทุนในด้านนั้นๆ อย่างไทยมีจุดแข็งในเรื่องท่องเที่ยวและบริการ ก็เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ เพื่อให้การลงทุนมีเรื่องราว มีผลตอบแทนในการลงทุนตามที่ได้ศึกษาไว้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image