สำรวจบ้าน-คอนโดหรูราคา 10 ล้านอัพทะลักตลาด REIC เผย 9 เดือนเปิดใหม่กว่า 5.4 พันยูนิต มูลค่าทะลุ 1.3 แสนล้าน ห้องชุด Q3 เริ่มแผ่ว ‘บ้านเดี่ยว’ ขายถล่มทลาย 9 หมื่นล้าน ‘คนจีน’ นิยมซื้อ จับตาเอฟเฟ็กต์ตู้ห่าว
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า จากการติดตามตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลช่วง 9 เดือนของปี 2565 พบว่ามีการเปิดตัวใหม่ทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรร จำนวน 5,470 ยูนิต รวมมูลค่า 131,563 ล้านบาท แยกเป็น อาคารชุด จำนวน 148 ยูนิต มูลค่า 4,910 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกอาคารชุดไม่มีเปิดตัวใหม่ เริ่มเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 จำนวน 142 ยูนิต มูลค่า 4,789 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 จำนวน 6 ยูนิต มูลค่า 121 ล้านบาท
นายวิชัยกล่าวว่า ขณะที่บ้านจัดสรร จำนวน 5,322 ยูนิต มูลค่า 126,653 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกเปิดตัวจำนวน 954 ยูนิต มูลค่า 14,430 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 จำนวน 1,601 ยูนิต มูลค่า 45,971 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 จำนวน 2,767 ยูนิต มูลค่า 66,252 ล้านบาท
“ยอดขายในส่วนของอาคารชุดขายดีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยไตรมาสที่ 1 มีจำนวน 491 ยูนิต มูลค่า 14,391 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 จำนวน 541 ยูนิต มูลค่า 15,246 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 เริ่มชะลอตัว โดยมีจำนวน 266 ยูนิต มูลค่า 6,053 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ไตรมาสอยู่ที่ 1,298 ยูนิต มูลค่า 35,690 ล้านบาท” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนบ้านจัดสรรมียอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไตรมาสที่ 1 มีจำนวน 1,184 ยูนิต มูลค่า 25,852 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 จำนวน 1,099 ยูนิต มูลค่า 26,687 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 จำนวน 1,431 ยูนิต มูลค่า 37,764 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ไตรมาสอยู่ที่ 3,714 ยูนิต มูลค่า 90,303 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยวเกือบทั้งหมด
“ทั้ง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาถือว่าทั้งคอนโดและบ้านไฮเอนด์ราคาเกิน 10 ล้านบาทยังไปได้ดี ส่วนผลกระทบต่อตลาดจากกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทา หรือกรณีตู้ห่าวนั้น ต้องรอเก็บข้อมูลของไตรมาสที่ 4 ออกมาก่อน เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บ้านเดี่ยวกลุ่มระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาทที่กลุ่มคนจีนซื้ออยู่อาศัยนั้นถือว่าขายดี เพราะส่วนใหญ่คนไทยจะซื้อราคาประมาณ 10 ล้านบาท” นายวิชัยกล่าว
นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดแนวราบยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีของกลุ่มทุนจีนสีเทา เนื่องจากบ้านหรูมีสัดส่วนเพียง 5-10% ของตลาดรวมเท่านั้น ซึ่งคนจะซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยยังไงก็ต้องซื้อ และไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดมาก
