ค่าไฟเอกชนลดแน่ ‘รองพงษ์’ ให้รอสัปดาห์นี้ ตอกกลับคนวิจารณ์ ทั้งที่ ขรก.ทำงานเต็มที่

ค่าไฟเอกชนลดแน่ ‘รองพงษ์’ ให้รอสัปดาห์นี้ ตอกกลับคนวิจารณ์ ทั้งที่ ขรก.ทำงานเต็มที่ เปิดแผนปี’66 ผ่าน 4 มิติผลักดันไทยสู่ Net Zero แจงปี’65 ช่วยคนไทยประหยัด 2.8 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่กระทรวงพลังงาน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสังกัดกระทรวงพลังงานแถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี 2565 ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน และแผนการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี 2566 ว่ากรณีค่าไฟผู้ใช้กลุ่มอื่น หรือเอกชน ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตรารวม 5.69 บาทต่อหน่วย งวดเดือนมกราคม-เมษายน2566 นั้น ขณะนี้ กกพ.อยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ส่งข้อมูลต้นทุนเชื้อเพลิงใหม่มาแล้ว จากต้นทุนล่าสุดที่ลดลงเชื่อว่าค่าไฟเอกชนลดแน่นอน แต่จะเป็นอัตราเท่าไหร่ขอให้รอ กกพ.สรุป คาดว่าจะไม่เกินวันที่ 28 ธันวาคมนี้

“กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชน แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องตัดสินใจคือการดูแลกลุ่มเปราะบางก่อน จึงเป็นเหตุผลให้ค่าไฟกลุ่มอื่นแพงกว่า ซึ่งอัตราที่ออกมาก็ถือว่าสูง เราก็ห่วงพยายามหาทางลดให้อยู่ เพราะรู้ดีว่าภาคเอกชน ธุรกิจ มีคุณูปการต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต

“แต่ประเด็นที่เอกชนระบุปริมาณสำรองสูงมาก อยากให้เข้าใจใหม่ว่าความจริงอยู่ที่กว่า 30% เท่านั้นจากโควิดทำให้ความต้องการใช้ไฟลดลง และเอกชนก็มีการผลิตไฟใช้เองด้วย เป็นเรื่องนโยบายในอดีตที่ทำกันไว้ ไม่ได้บอกว่าผิดแต่ก็ต้องเข้าใจด้วย โดยตัวเลขเอกชนนั้นไม่รู้เอกชนได้ตัวเลขมาอย่างไร หากคำนวณไม่เป็นอยากให้มาเรียนที่กระทรวงพลังงาน อีกประเด็นที่มีการโจมตีข้าราชการกระทรวงพลังงาน ทั้งที่พวกเขาทำงานเต็มที่ วิจารณ์เหมือนไม่ทำอะไร ก็น่าเห็นใจคนตั้งใจทำงาน” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

Advertisement

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ปี 2566 คาดว่าสถานการณ์ความผันผวนด้านพลังงานจะยังคงอยู่ และเพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวเดินหน้าไปได้ต่อเนื่อง กระทรวงพลังงานจึงดำเนินโครงการสำหรับช่วยเหลือประชาชนสำหรับก๊าซหุงต้ม (LPG) เพื่อลดต้นทุนค่าครองชีพต่อเนื่องจากปี 2565 โดยตรึงราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 และช่วยส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 นอกจากนี้ ปตท.ยังคงให้ส่วนลดแก่ร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหารที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือน เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าครองชีพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566

สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนต้องมีการเดินทางจำนวนมาก เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย กระทรวงพลังงานโดยความร่วมมือกลุ่ม ปตท.จะตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2565-3 มกราคม ครึ่งราคาที่พักที่เขื่อน กฟผ. การส่งเสริมสินค้าชุมชนผ่านโครงการเอนจี้ มีดี และแจกผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็น Box Set ให้ผู้เดินทางที่กลับจากต่างจังหวัดโดยรถไฟอีกด้วย

Advertisement

สำหรับทิศทางของนโยบายพลังงานในปี 2566 ยังต้องติดตามสถานการณ์พลังงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการพลังงานให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอกับที่คาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้น กระทรวงพลังงานต้องปรับบทบาทองค์กรก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) นอกจากจะต้องสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว ยังต้องเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและการดำเนินการหลายด้านเพื่อขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ทั้งการส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดให้เป็นไปตามเป้าหมาย การปรับตัวเพื่อรองรับและส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมๆ ไปกับติดตามและบริหารจัดการสถานการณ์ราคาพลังงาน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการ รวมทั้งสร้างพันธมิตรและร่วมมือกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการพัฒนา เพื่อให้เกิดการลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่ๆ ตามเป้าหมาย

สำหรับแผนงานสำคัญของกระทรวงพลังงานในปี 2566 จึงมุ่งสู่พลังงานสะอาดเพื่อตอบโจทย์สังคมยุคไร้คาร์บอน โดยได้วางแผนงานและโครงการแบ่งเป็น 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 พลังงานสร้างความมั่นคงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ มิติที่ 2 พลังงานเสริมสร้างเศรษฐกิจ มิติที่ 3 พลังงานลดความเหลื่อมล้ำ และมิติที่ 4 การพัฒนาองค์กรเพื่อให้บริการ

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในปี 2565 กระทรวงพลังงานได้ดำเนินมาตรการหลายด้าน ประกอบด้วย ด้านลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยช่วยลดภาระค่า Ft ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมูลค่าการช่วยเหลือทางด้านพลังงานในปี 2565 รวมทั้งสิ้นกว่า 232,800 ล้านบาท

ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านราคาน้อยที่สุดจากความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก โดยแนวทางในการบริหารจัดการพลังงานหากเกิดสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานในปี 2566 จะเน้นดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่

1) การปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าจากเดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นการใช้เชื้อเพลิงอื่นที่มีราคาต่ำก่าการนำเข้า Spot LNG เช่น น้ำมันดีเซล นำมันเตา ถ่านหินจากแหล่งแม่เมาะ การใช้ไฟฟ้าพลังน้ำที่นำเข้าจาก สปป.ลาว

2) การลดความต้องการใช้ก๊าซในประเเทศ ด้วยการลดรับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มผู้ผลิตประเภท SPP รวมถึงขอความร่วมมือประหยัดพลังงานในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม

3) การเพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมชาติ ทั้งจากแหล่งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน และการนำก๊าซจากอ่าวไทยเข้าสู่การผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มก๊าซ Bypass และลดการใช้ในภาคอุตสาหกรรม
ด้านสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้จัดทำแผนพลังงานชาติ และแผนย่อยรายสาขา เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์สุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2050 เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาพลังงานของไทยรองรับสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ ตลอดจนการบริหารจัดการการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานแหล่งก๊าซเอราวัณ และแหล่งบงกช การเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบ 24 ในประเทศ จัดทำโรดแมประบบเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image