| ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
|---|
ปี2566 ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจมีความน่ากังวลสูงมากจากปัจจัยเสี่ยงที่รออยู่ โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยประเทศแถบยุโรป และสหรัฐ ซึ่งผลกระทบมายังไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการส่งออกที่อาจชะลอตัว ไม่สดใสเหมือนช่วงที่ผ่านมา
ทุกความหวังจึงไปกองกันที่ภาคการท่องเที่ยว อีกหนึ่งเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่กลับมาผงาดอีกครั้งหลังโควิด-19 คลี่คลาย
หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมานั้นเครื่องยนต์นี้ถูกผลกระทบจนต้องดับสนิทไปสักพักใหญ่ ก่อนปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น เหมือนเครื่องยนต์นี้ได้เชื้อเพลิงขับเคลื่อน จึงทยอยฟื้นตัวขึ้นมา
โดยประกาศให้ปี 2565-2566 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าหมายปี 2566 ฟื้นตัวในแง่การดึงรายได้กลับมาที่ 80% จากปี 2562 ก่อนเกิดโควิดที่มีรายได้ 3 ล้านล้านบาท พร้อมเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของปี 2562
เมื่อมีเป้าหมายแล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงกำหนดแผนงาน กลยุทธ์ และทิศทางการเดินไปข้างหน้าตามเป้าหมาย ภายใต้งบประมาณเพื่อขับเคลื่อน
แต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณให้ภาคการท่องเที่ยวเพียง 4,000 ล้านบาท จากจำนวน 8,700 ล้านบาท ตามที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอขอไป เพื่อแบ่งใช้เป็นงบประมาณในการทำตลาดการท่องเที่ยว กระตุ้นทั้งไทยเที่ยวไทย และต่างชาติเที่ยวไทย
งบประมาณที่อนุมัติให้นั้น ถือว่าลดน้อยลงจากก้อนที่ขอไปแบบเกินครึ่ง ขณะที่ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวถูกปรับลดงบประมาณต่อปีลงแบบต่อเนื่อง
แบบนี้…ช่างไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและความคาดหวังต่อภาคท่องเที่ยว เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้
