คนจนกระอัก ‘กกพ.’ ซุ่มปรับสูตรขึ้นค่าไฟกลุ่มเปราะบาง ใช้ 151-300 หน่วย

คนจนกระอัก ‘กกพ.’ ซุ่มปรับสูตรขึ้นค่าไฟกลุ่มเปราะบาง ใช้ 151-300 หน่วย

เมื่อวันที่ 24 มกราคม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปรับสูตรการช่วยเหลือค่าไฟกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟตั้งแต่ 151-300 หน่วย ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มจากเดิม และกลุ่มที่ใช้ไฟไม่ถึง 500 หน่วย ก็ไม่ได้รับส่วนลดค่าไฟอีก

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม รายงานข่าวจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) แจ้งว่า มติ กบง.เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 สำหรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ซึ่งเรียกเก็บที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยกลุ่มเปราะบาง ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประมาณ 19.66 ล้านราย ประกอบด้วย จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ตั้งแต่ 1-150 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 92.04 สตางค์ต่อหน่วย และจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ตั้งแต่ 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 67.04 สตางค์ต่อหน่วย วงเงินช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาท

ข่าวแจ้งว่า แต่มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวหากดูในรายละเอียดจะพบว่ามีการขึ้นค่าไฟในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟตั้งแต่ 151-300 หน่วยต่อเดือน อีก 25 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับว่ากลุ่มนี้จะต้องจ่ายค่าไฟประมาณ 4 บาทต่อหน่วย ไม่ได้จ่ายราคาเดิม คือประมาณ 3.70 บาทต่อหน่วย เหมือนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน เรื่องนี้เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่เสนอต่อ กบง.

ข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกัน ยังยกเลิกส่วนลดค่าไฟ 15-75% ที่ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วยด้วย เท่ากับว่ามาตรการช่วยเหลือค่าไฟครั้งนี้มีการปรับรูปแบบ กลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่ 151-500 หน่วยต่อเดือน จะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มแน่นอนในงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 แม้จะใช้ไฟเท่าเดิม

Advertisement

ข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ มาตรการช่วยค่าไฟเดิมของงวดเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 ได้ตรึงค่าไฟ 3.70 บาทต่อหน่วยต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ไฟกลุ่มเปราะบาง 1-300 หน่วย รวม 19.6 ล้านครัวเรือน ขณะที่กลุ่มใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วย มีจำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน แต่มติ กบง.ล่าสุดนี้ตรึงค่าไฟให้กลุ่มเปราะบาง 0-150 หน่วยต่อเดือน เพียง 14.7 ล้านครัวเรือน ขณะที่กลุ่มใช้ไฟตั้งแต่ 151-300 หน่วยต่อเดือน จำนวน 4.9 ล้านครัวเรือน ค่าไฟจะแพงขึ้นเพราะต้องจ่าย 4 บาทต่อหน่วย ขณะที่กลุ่มที่ใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วย จำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน จะต้องจ่ายค่าไฟในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ตามราคาปัจจุบัน

รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการช่วยค่าไฟที่ กบง.เคาะครั้งนี้คือแนวทางที่ 3 จาก 4 แนวทางที่ กกพ.เสนอ ประกอบด้วย 1.ลดค่าไฟเช่นเดียวกับงวดตุลาคม-ธันวาคม 2566 ใช้วงเงิน 9,700 ล้านบาท 2.ช่วยกลุ่ม 150 หน่วยแรกเท่าเดิม และปรับปรุงกลุ่ม 151-500 หน่วย วงเงิน 8,000 ล้านบาท 3.ช่วยเฉพาะ 300 หน่วยแรก วงเงิน 7,500 ล้านบาท และ 4.ช่วยครึ่งหนึ่งของกรณีศึกษา 1 วงเงิน 4,800 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ลดการช่วยเหลือค่าไฟให้กลุ่มเปราะบาง และเลิกช่วยประชาชนที่ใช้ไฟไม่ถึง 500 หน่วยต่อเดือน ทั้งที่เป็นมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 นั้น เพราะ กกพ.มีความเห็นว่า แนวทางการช่วยเหลือค่าไฟกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่ต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือน ตามข้อเสนอของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่เสนอให้เพิ่มการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยโดยไม่ผ่านกระบวนการแยกก๊าซของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ (bypass gas) แทนการจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดย กกพ.เห็นว่าตามกฎหมายไม่น่าจะสอดคล้องกับมติ กพช. เพราะเป็นการลดต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติไปยังผู้ใช้ก๊าซทุกราย ไม่ได้เจาะจงกลุ่มเปราะบางโดยตรง แต่หาก กบง.จะช่วยรูปแบบเดิมจะต้องเสนอ กพช.ให้มีมติสั่งการ กกพ.อีกครั้ง สรุปคือ กกพ.ไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งทางผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พยายามคัดค้านแล้ว แต่ กกพ.ยังยืนยันว่าตามกฎหมายทำไม่ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image