“แอสเซทไวส์” ตะลุยคอนโดแคมปัส บ้านหรู ลั่นรายได้ 1 หมื่นล้านไม่ไกลเกินเอื้อม

“แอสเซทไวส์” ตะลุยคอนโดแคมปัส บ้านหรู ลั่นรายได้ 1 หมื่นล้านไม่ไกลเกินเอื้อม

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือASW เปิดเผยว่า ในปี 2566 จะเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมา 19 ปี จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 แบรนด์ 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,830 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์เคฟ 5 โครงการ มูลค่า 8,980 ล้านบาท ทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ได้แก่ ม.ศาลายา ม.กรุงเทพ ม.ธรรมศาสตร์ ม.บูรพา และราชมงคลธัญบุรี ราคา 1.19 -1.79 ล้านบาท, แอทโมซ 2 โครงการ มูลค่า 2,850 ล้านบาทที่ลาดพร้าว-วังหินและนิคมลาดกระบัง เริ่มต้น 1.49-2 ล้านบาทและโมดิซ 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ที่เกษตร-ศรีปทุมและอาวองการ์ด(ม.ธรรมศาสตร์) ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท

“เรายังคงเน้นทำแคมปัสคอนโดมิเนียม เพราะได้รับการตอบรับและแบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาดแล้ว เพราะคนที่ซื้อปล่อยเช่าจะได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดีได้ยีลต์ถึง 7-8% ปล่อยเช่าได้ 10,000-12,000 บาท ทั้งนี้การที่จีนเปิดประเทศจะส่งผลดีคอนโดเรามีอยู่ในทำเลรัชดา ห้วยขวางเป็นตัวเลือกและขายดีขึ้น เพราะคนจีนชอบอยู่ในทำเลนี้ เรามีสต๊อกคอนโดเหลืออยู่ในขณะนี้ 5,000 ล้านบาท”

นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนโครงการบ้านมี 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,670 ล้านบาท เป็นบ้านระดับพรีเมียมถึงลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ ที่ซอยโยธินพัฒนา เนื้อที่ 33 ไร่ พื้นที่ 450-700 ตารางเมตร ราคา 40-60 ล้านบาท มูลค่า 4,200 ล้านบาทและ แบรนด์ใหม่ดิ อาร์เบอร์ มี 2 โครงการ ที่รามอินทรา-วัชรพลและดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ มูลค่า 2,400 ล้านบาท พื้นที่ 210-320 ตารางเมตร ราคา 9-12 ล้านบาท เป็นปีแรกที่ขยับราคาลงมาทำตลาดระดับกลาง พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมงบซื้อที่ดินไว้ 2,000-3,000 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดระยอง เพื่อรองการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2567และการเติบโตของบริษัทที่ตั้งเป้าโตปีละ 20%

Advertisement

“ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 15,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาท โดยมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอน มูลค่า 15,450 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ 9,000 ล้านบาทและแต่ 10,000 ล้านบาทในปี 2568”

นายกรมเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังผนึกกับบริษัทพันธมิตรจากญี่ปุ่นลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม รวม 6,950 ล้านบาท อาทิ บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัดพัฒนาโครงการ แอทโมซ บางนา มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท และเคฟ ซี้ด เกษตร มูลค่า 1,350 ล้านบาท และร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด พัฒนาโครงการแอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท และบริษัท ไอดีล เรียล จำกัด ในโครงการเคฟ มิวแทนท์ ศาลายา มูลค่า 1,200 ล้านบาท

รวมถึงมุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่เติมในพอร์ตทำเลทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยเมื่อปลายปีที่แล้วได้ร่วมทุนกับบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ในโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เป็นพูลวิลล่าระดับลักชัวรี บนเนื้อที่ 178 ไร่ เป็นพูลวิลล่า ราคา 40-60 ล้านบาท เป็นรูปแบบลีสต์โฮล ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เช่่น สแกนดิเนียเวีย ยุโรป ฮ่องกง รัสเซีย และจีนคาดว่าจะมามากขึ้น

Advertisement

นายกรมเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังรุกขยายพอร์ตแนวราบระดับลักชัวรี ยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ในด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อต่อยอดและกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจโดยเข้าซื้อหุ้น 41.18% ในบริษัท แซ๊ป เวิลด์ เอ็นเตอร์  เทนเม้นท์ จำกัด หรือ ZAAP World และปีนี้เตรียมงบการลงทุน 400 ล้านบาทในกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาฯ เช่น เฮลธ์แคร์ เป็นต้น โดยจะใช้เงินลงทุนไตรมาสละ 100 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์กล่าวว่า ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้น 47 โครงการ มูลค่า 49,900 ล้านบาท แบ่งเป็นสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ 34 โครงการ และกำลังเปิดขายอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ มูลค่ารวมกว่า 12,935 ล้านบาท โดยเมื่อปี 2565 บริษัทเปิดโครงการ 9 โครงการ มูลค่ารวม 14,700 ล้านบาทและรายได้เติบโตจากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image