‘กรุงศรี’ ตั้งเป้าปี 66 สินเชื่อโต 3-5% พร้อมบุกตลาดอาเซียนดันรายได้เพิ่ม 10%

‘กรุงศรี’ ตั้งเป้าปี 66 สินเชื่อโต 3-5% พร้อมบุกตลาดอาเซียนดันรายได้เพิ่ม 10% แย้มศึกษาจัดตั้งเวอร์ชวลแบงก์

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ปี 2566 คาดว่าเงินให้สินเชื่อของธนาคารจะเติบโตที่ระดับ 3-5% พร้อมกับตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.5% โดยคาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) จะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.5-2.6% พร้อมมุ่งขับเคลื่อนเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายในการสร้างรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนให้เป็น 10% ในปีนี้

นายเซอิจิโระ กล่าวว่า สำหรับความสำเร็จในปี 2564-2565 กรุงศรียังคงช่วยเหลือลูกค้าเชิงรุก โดยมีลูกค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือต่างๆคิดเป็นเงินให้สินเชื่อคงเหลือกว่า 150,000 ล้านบาท และอีกกว่า 16,000 ล้านบาทในรูปของโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) และสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจ ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 3.1% และความสามารถในการทำกำไร (NIM) ที่ 3.45%

ด้าน นางสาวดวงดาว วงค์พนิตกฤต ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับการตั้งสำรอง โดยปี 2565 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าระดับการสำรองในแง่ของค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ แต่ในแง่สัดส่วนของการสำรองเงินต่อหนี้เสียยังอยู่ระดับสูง และในปี 2566 หากดูวิวัฒนาการช่วงที่เกิดโควิดจะเห็นว่ามีมาตรการช่วยเหลือในหลายมาตรการและเริ่มที่จะหมดไป ซึ่งมุมมองของธนาคารคิดว่าแนวโน้มของหนี้เสียอาจเพิ่มสูงขึ้น แต่ในแง่ผลกระทบต่อกำไรต่อธนาคารน่าจะไม่ค่อยมี เพราะหากดูปริมาณตั้งสำรองของธนาคารยังแข็งแกร่ง

Advertisement

“หนี้เสียอาจสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมาตรการต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มหมดอายุ และในแง่การตั้งสำรองจะสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลกระทบผลประกอบการสุทธิจนเป็นที่น่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม หนี้เสียของธนาคารยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม”นางสาวดวงดาว กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับกรณีหุ้นมอร์ (more) เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งเกิดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 โดยส่วนของธนาคารที่มีสถานะในส่วนของหุ้นมอร์ประมาณ 898 ล้านบาท แต่ในส่วนการตั้งสำรองธนาคารได้ตั้งครบ 100% แล้ว แม้ว่าจะมีวิธีการ หรือกระบวนการต่างๆ ที่ต้องดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไปร่วมกับโอเปอเรเตอร์รายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หากวันข้างหน้า ถ้าธนาคารสามารถได้รับการชดเชยกลับมาจะเป็นส่วนช่วยให้ผลประกอบการที่ขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น

ด้าน นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับเรื่องเวอร์ชวลแบงก์ หรือธนาคารไร้สาขา มุมมองของธนาคารมองว่าเป็ยเรื่องดีที่มีการเพิ่มนวัตกรรมขึ้นมา เพื่อรองรับความสะดวกจากเทคโนโลยีมากขึ้น ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าการจัดทำธุรกิจนี้จะเหมาะสมกับนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่ธนาคารมีอยู่หรือไม่ อีกทั้งดิจิทัลแบงกิ้งของธนาคารยังมีอยู่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าสนใจจัดตั้งธุรกิจ หรือไม่สนใจจัดตั้ง เพราะยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล

Advertisement

นายไพโรจน์ กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจปัจจุบันที่ธยาคารได้ยกระดับโครงข่ายอาเซียนอย่างแข็งแกร่งจากภาพรวมผลประกอบการ กรุงศรีมีรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2563 เป็น 6% ในปี 2565 มาจากธุรกิจที่มีอยู่ในประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว ก็ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดี ส่งผลให้สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 150,000 ราย

ขณะที่ปี 2566 ธนาคารจะขยายกิจการในต่างประเทศทั้งในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยได้วางเป้าเป็นรายได้จะเพิ่มขึ้นที่ 10% และคาดว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าได้ คิดเป็น 500,000 บัญชี ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ธนาคารมีเป้าหมายจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเป็น 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image