รถไฟฟ้าสีชมพู ปลุกแจ้งวัฒนะ รามอินทรา จับตา “เซ็นทรัล-เดอะมอลล์” ผุดห้างใหม่
อีกไม่นานเกินรอคนนนทบุรีและกรุงเทพมหานครจะได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วง”แคราย-มีนบุรี”ที่พร้อมเปิดหวูดบริการในเดือนสิงหาคม 2566
เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลวิ่งเชื่อม 2 จังหวัด ด้วยระยะทาง 34.5 กิโลเมตร มีทั้งหมด 30 สถานี ได้แก่ 1. สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีเชื่อมกับสายสีม่วง 2. สถานีแคราย 3. สถานีสนามบินน้ำ 4. สถานีสามัคคี 5. สถานีกรมชลประทาน 6. สถานีแยกปากเกร็ด7. สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด 8. สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28
9. สถานีเมืองทองธานี 10. สถานีศรีรัช(มีส่วนต่อขยายถึงเมืองทองธานี เปิดบริการปี 2568) 11. สถานีแจ้งวัฒนะ 14 12. สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 13. สถานีทีโอที 14. สถานีหลักสี่ เชื่อมสายสีแดง 15. สถานีราชภัฏพระนคร 16. สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมสายสีเขียว 17. สถานีรามอินทรา 3
18. สถานีลาดปลาเค้า 19. สถานีรามอินทรา กม.4 20. สถานีมัยลาภ 21. สถานีวัชรพล เชื่อมสายสีเทา 22. สถานีรามอินทรา กม.6 23. สถานีคู้บอน 24. สถานีรามอินทรา 83 25. สถานีปัญญาอินทรา 26. สถานีนพรัตน์ 27. สถานีบางชัน 28. สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ 29. สถานีตลาดมีนบุรี และ 30. สถานีมีนบุรีเชื่อมสายสีส้ม
จากวันที่เริ่มตอกเข็มต้นแรกมาถึงวันที่ใกล้เปิดบริการ เรียกว่า”สายสีชมพู”ได้เป็นแม่เหล็กดูดการลงทุนเข้ามาบนถนนรามอินทราไม่ขาดสาย โดยเฉพราะคอนโดมิเนียมที่บิ๊กแบรนด์ในตลาดและยักษ์นอกตลาดเข้าไปปักหมุดกันคึกคักตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นทำเลที่”ต้องมี”อยู่ในลีสต์ของผู้ประกอบการ
ไม่ว่า ”แสนสิริ” หลังเปิดขายไปหลายโครงการทั้งเดอะเบสและดีคอนโด ได้ซื้อที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ 10-20 ไร่ สำหรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
ฝั่ง ”ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” กำลังเร่งพัฒนาที่ดิน 13 ไร่ เยื้องโรงพยาบาลสินแพทย์เป็นโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น สมาร์ทซิตี้ รามอินทรา”มูลค่า 6,000 ล้านบาท มีทั้งคอนโดมิเนียมและเฮลแคร์คอมเพล็กซ์ เป็นโรงพยาบาลสำหรับพักฟื้น และโรงแรมรองรับผู้สูงอายุ
เยื้องๆกัน “โรงพยาบาลสินแพทย์” ทุ่ม 3,500 ล้านบาท ขยายเนื้อที่ 7 ไร่ เป็นที่จอดรถเดิม พัฒนาเป็นเมดิคอลคอมเพล็กซ์ เป็นอาคารสูง 18 ชั้น ขนาด 160 เตียง ขณะนี้กำลังก่อสร้าง จะแล้วเสร็จในปี 2567
ด้าน ”พฤกษา เรียลเอสเตท” ได้ซื้อที่ดิน 10 ไร่ติดถนนรามอินทราใกล้สายสีชมพู เยื้องกับฟู้ดแลนด์ จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส จะเปิดขายเฟสแรกในเร็วๆนี้
ขณะที่ ”แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์” อยู่ระหว่างเปิดขายโครงการลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด สเตชั่น มูลค่า 1,200 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 26 ชั้น 536 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท เยื้องกับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
อีกรายก็น่าจับตา ”แอสเซทไวส์” แม้เพิ่งจะติดป้ายมหาชน 2 ปี แต่เครื่องร้อนไม่แพ้ขาใหญ่ งัดที่ดินกว่า 33 ไร่ บนถนนสีหบุรานุกิจ ย่านมีนบุรี จุดต่อเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีชมพูกับสายสีส้ม ขึ้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส “ไวส์พาร์ค มีนบุรี”มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ภายในประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบรนด์แอทโมซ และคอมมูนิตี้มอลล์”มิงเกิ้ล มอลล์”ซึ่งจะเปิดบริการในปีนี้
ขยับมาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มค้าปลีก มี”เซ็นทรัล”ปักธงศูนย์การค้าอยู่หลายแห่งบนถนนสายนี้ เริ่มจาก”เซ็นทรัลรามอินทรา”ห้างที่สองของเซ็นทรัลต่อจากเซ็นทรัลลาดพร้าว ล่าสุดทุ่มเม็ดเงิน 2,000 ล้านบาทปรับโฉมครั้งใหญ่รอบ 30 ปี รับรถไฟฟ้าสายสีชมพู เผยโฉมใหม่ไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันเตรียมจะปรับโฉม”เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ”เป็นคิวต่อไปในปีนี้ รวมถึง”เซ็นทรัล อีสต์วิลล์“แม้จะไม่อยู่ในรัศมีรถไฟฟ้า แต่ก็จ่อพลิกโฉมใหม่เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ว่ากันว่า ”กลุ่มเซ็นทรัล” กำลังซุ่มเจรจาเช่าที่ดินแปลงใหญ่ 50 ไร่ ติดสถานีคู้บอน ของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ให้”เอสเอฟ-สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์”ซึ่งได้เข้าซื้อหุ้นเมื่อปี 2564 ลงพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ส่วนศูนย์การค้า ”แฟชั่นไอส์แลนด์” ประกาศแผนจะปรับปรุงพื้นที่ใหม่ปีละ 10,000 ตารางเมตร จากทั้งหมด 400,000 ตารางเมตร เพื่อให้เป็น”แกรนด์สเตชั่น”เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี จะเปิดภายในปี 2566
อีกกลุ่มที่คงไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ “กลุ่มเดอะมอลล์” เพราะที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินแปลงใหญ่ 122 ไร่ บริเวณถนนรามอินทรา-มีบุรี ไว้รอแล้ว
สำหรับสถานการณ์ทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู “สุรเชษฐ กองชีพ “ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดคือราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วงปี2561-2562 สถานีที่อยู่จังหวัดนนทบุรีมีราคาที่ดินอยู่ที่ 200,000 – 250,000 บาทต่อตารางวา ปัจจุบันอยู่ที่ 230,000–300,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้น 13 – 20% แนวถนนรามอินทราปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 – 300,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้น 15 – 25% แถวตลาดมีนบุรีจากเดิมอยู่ที่ 50,000 – 160,000 บาทต่อตารางวา ปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางวาไปแล้ว เพราะมีรถไฟฟ้าและผู้ประกอบการเข้าไปซื้อที่ดินกันมากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนคอนโดมิเนียมนั้น”สุรเชษฐ”เปิดผลสำรวจณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 25,650 ยูนิต เป็นคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี552 และเป็นการขยายตัวแบบต่อเนื่อง ยังไม่มีปีใดที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมากแบบก้าวกระโดด อาจจะเป็นเพราะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ผ่านกรุงเทพฯรอบนอก จึงไม่มีตัวแปรที่เร่งผู้ประกอบการให้เร่งเปิดขายโครงการ ปัจจุบันอัตราการขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 83% ยังมียูนิตเหลือขายอยู่ แต่ไม่มากนัก และมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ในช่วงไม่เกิน 80,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะเดียวกันมีการประกาศขายที่ดินมากขึ้น รวมถึงตลาดสด หรือโกดัวขนาดใหญ่ในแนวเส้นทาง
สอดคล้องกับ ”วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC)ที่เปิดผลสำรวจในไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่าโซนที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประกอบด้วย 1.โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง เปลี่ยนแปลง 57.3% 2. โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด เปลี่ยนแปลง 46.9% 3. โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก เปลี่ยนแปลง 31.9% 4. โซนกรุงเทพชั้นในเปลี่ยนแปลง 16.6% และ5. โซนบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่-มีนบุรี-หนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง เปลี่ยนแปลง10.1% สะท้อนให้เห็นว่าที่ดินที่อยู่ชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑล มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการมีรถไฟฟ้านั่นเอง
