ผลสำรวจชี้ ปชช.เกินครึ่ง ‘ไม่ฉลองวาเลนไทน์’ เหตุของแพง ไม่กล้าใช้เงิน

ม.หอการค้า คาด วาเลนไทน์ปี 66 คักคึก เงินสะพัด 2.4 พันล้านบาท กลุ่ม Gen Z ในความสนใจมากสุด

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2566 นั้น ผลสำรวจ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,255 ราย ทั่วประเทศ พบว่า

จำนวนคนที่จะฉลองในเทศกาลวาเลนไทน์และไม่ฉลองมีสัดส่วนไม่แตกต่างกันมากนัก โดยจะไม่ฉลอง 50.8% และฉลอง 49.2% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 40 ปี และเลือกจะฉลองกับคนรักมากที่สุด 63.7%

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับสถานที่ฉลองนั้น

  • ห้างสรรพสินค้า 30.2%
  • คาเฟ่ 15.7%
  • ร้านอาหาร 15.3%

และ จะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมในช่วงวาเลนไทน์เฉลี่ย 1,848.82 บาทต่อคน คิดเป็นเงินสะพัดรวม 2,389.31 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเท่านั้น ขณะที่มีความแตกต่างจาก เทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน มีมูลค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงที่สุดในรอบ 3 ปี หรือ ก่อนปี 2563

Advertisement

“วันวาเลนไทน์ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ดีกว่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่มีมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 2,100 ล้านบาท หรือบวกเพิ่ม 15% และเริ่มเห็นทิศทางในการปรับตัวคือ เป็นการปรับตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพราะว่าเศรษฐกิจนั้นเริ่มมีปัญหาในปี 2562 เนื่องจากมีสถานการณ์ สงครามการค้าเกิดขึ้น และปี 2563 ที่มีสถานการณ์โควิด ซึ่งเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 พอดี และมีโควิดต่อเนื่องในปี 2564-2565” นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ขณะที่ การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนนั้น กลับมาดีที่สุดในรอบ 4 ปี แสดงให้เห็นว่าคนเริ่มกลับมาใช้จ่าย แต่การใช้จ่ายโดยรวมยังไม่ได้กระเตื้องมาก เนื่องจากผลสำรวจในปี 2566 นี้ สัดส่วนคนที่ใส่ใจเรื่องของวันวาเลนไทน์ไม่ได้สูงมาก

แต่การตีความของมหาวิทยาลัยหอการค้า ยังคงมองว่า บรรยากาศวันวาเลนไทน์ยังคึกคัก โดยยังไม่รวมที่ชาวต่างชาติมาใช้จ่ายในประเทศ และเชื่อว่าน่าจะมีชาวต่างชาติหลายคนเข้ามาฉลองวาเลนไทน์ในไทย

นายธนวรรธน์กล่าวว่า อีกด้านหนึ่งคือ อาจจะเป็นเรื่องของการมีเทศกาลที่เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการใช้จ่ายไปแล้วพอสมควร ไม่ว่าจะปีใหม่ หรือตรุษจีน และ กลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับวันวาเลนไทน์ คือกลุ่ม เจนซี (Gen Z) ที่อาจจะยังต้องระมัดระวังการใช้จ่าย และยังคงพึ่งพาเงินจากผู้ปกครอง จึงใช้จ่ายได้ไม่เต็มที่

นายธนวรรธน์กล่าวว่า แต่สิ่งที่น่ากังวลในการตอบแบบสอบถามครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างบอกว่าการใช้ต้องใช้จ่ายมากขึ้น เป็นเพราะสินค้าและบริการราคาแพงขึ้น และค่าครองชีพสูง เพราะฉะนั้น ปัญหาที่ทำให้รู้สึกไม่อยากใช้จ่ายเยอะ เพราะว่าของแพง เลยกล้าๆ กลัวๆ ในการซื้อของ

ส่วนที่จะบอกว่ามีความต้องการซื้อสินค้ามากขึ้น เพราะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยังมีสัดส่วนน้อย อยู่ที่ 1 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่าง และเหตุผลที่เลือกจะใช้จ่ายลดลงก็เป็นในแนวทางเดียวกัน คือ รายได้ไม่เพียงพอ ต้องประหยัด สินค้าราคาแพง หอการค้า จึงอยากย้ำให้เห็นว่า ขณะนี้เศรษฐกิจยังเติบโตแบบตัวที่ไม่เท่ากันหรือขาดสมดุล หรือ ตัวเค (K-Shaped)

นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับในช่วงปีใหม่ หรือ ตรุษจีน ปี 2566 นั้น เป็นการใช้จ่ายโดยรวมของคน ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรายได้ปานกลางขึ้นไปที่ใช้จ่ายมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ วันวาเลนไทน์ อาจจะเป็นกลุ่มเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ ที่อาจจะมองเศรษฐกิจยังไม่เติบโตอย่างโดดเด่น จึงยังคงมีการระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่ถ้ามองในบรรยากาศนั้น ม.หอการค้าก็มองว่า ยังคงคึกคักในระดับหนึ่ง และคนให้ความสนใจ แต่ด้วยวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันอังคาร ซึ่งเป็นวันธรรมดา ทำงานและเรียน จึงดูไม่ได้โดดเด่นเต็มที่ หากเทียบกับไปตรงวันเสาร์-อาทิตย์

“ม.หอการค้าคาดว่า วันวาเลนไทน์ ปี 2567 น่าจะคึกคักกว่านี้ เพราะดูจากโครงสร้างเศรษฐกิจจึงทำให้คาดว่าจะคึกคักขึ้น แต่สิ่งที่จะเห็นได้ เมื่อคนพูดถึงข้าวของแพง จากที่กระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อที่ 5% และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 3% แสดงให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และผู้ประกอบการเริ่มผลักภาระต้นทุนราคาไปยังสินค้าพื้นฐานมากขึ้น” นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ส่วนการสำรวจในเชิงสังคมนั้น ถามถึงความคิดเห็นว่าคู่รักในกลุ่มใดที่จะฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์มากที่สุด พบว่า เป็นกลุ่มของนักศึกษา 35.7% รองลงมา คือ กลุ่มคนโสดวัยทำงาน 33.8% และนักเรียน 30.6% ตามลำดับ โดยสถานที่ที่คาดว่าจะใช้ฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์มากที่สุด คือ หอพัก หรืออพาร์ตเมนท์

ทั้งนี้ สะท้อนถึงปัญหาเด็กและเยาวชน ในปีนี้ พบว่าปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นคือ การคลอดแล้วทิ้ง การมีลูกในวัยไม่พร้อม การถูกล้วงละเมิดทางเพศ และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และสิ่งที่อยากให้หน่วยงานรัฐทำ คือการสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ในโรงเรียน การแจกถุงยางอนามัยช่วงวาเลนไทน์ การสมรสเท่าเทียม

 

 

อ่านข่าวน่าสนใจ:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image