มีหนาว! ปีนี้สรรพากร ตรวจละเอียดขอคืนภาษีหลังพบโกงคืนภาษี ชี้ 7 วันไม่ได้คืนเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง

มีหนาว! ปีนี้สรรพากร ตรวจละเอียดขอคืนภาษีหลังพบโกงคืนภาษี ชี้ 7 วันไม่ได้คืนเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง

เมืาอวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปีนี้การคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีการตรวจสอบรายละเอียดมากขึ้น โดยจะเพิ่มเกณฑ์ในการตรวจสอบเอกสารขอคืนภาษีมากขึ้นสำหรับกลุ่มที่มีสัญญาณความเสี่ยง เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษีจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว

“ปีนี้มีการเพิ่มเกณฑ์สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการขอคืนภาษีเข้าไป เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจเจอแล้ว และจับได้แล้วว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษี เนื่องจากที่ผ่านมามีกระบวนการในการยื่นและคืนภาษีค่อนข้างเร็ว ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น แต่คงบอกไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตแบบใด” นายลวรณ กล่าว และว่า ดังนั้น ปีนี้หากผู้ที่ยื่นขอคืนภาษีแล้ว 7 วันยังไม่ได้คืนภาษี ก็แปลว่าอาจจะมีสัญญาณอะไรในตัวผู้ยื่น จากปกติที่ยื่นภาษีแล้วจะได้คืนภาษีภายใน 3 วัน โดยปัจจุบันมีผู้อยู่ในฐานภาษี 11 ล้านราย เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ 4 ล้านราย โดยในจำนวนนี้กว่า 90% เป็นการยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเตรียมแก้หลักเกณฑ์เพื่อเปิดทางให้สถาบันการเงินและสตาร์ตอัพซอฟต์แวร์เฮาส์ ที่เชี่ยวชาญระบบบัญชีและภาษีสามารถเป็นผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลระบบบัญชีและภาษีรวมถึงสามารถยื่นภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Tax Service Provider) ได้ เพื่อให้มีผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Service Provider ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสรรพากรแล้ว ประมาณ 20 ราย โดยคาดว่าภายในเดือน มี.ค.2566 น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้กรมมีการปรับกลยุทธ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น และอยากทำให้เรื่องภาษีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจตั้งใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการด้านภาษีอย่างมาก ดังนั้นการอัพเกรดบริการ Service Provider ให้มีบริการ Tax Service Provider ให้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ด้านภาษีและบัญชีมาบริการลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการชำระภาษีให้ถูกต้อง

Advertisement

“ปัจจุบันสถาบันการเงินยังไม่สามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะแก้เกณฑ์ให้ทำได้ โดยจะขยายบทบาทให้ทำได้ตั้งแต่ทำบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ทำเพย์เมนต์ ไปจนถึงกระบวนการยื่นภาษีต่าง ๆ โดยกรมสรรพากรอย่างเห็นภาพว่าบริษัทตั้งใหม่ หรือบริษัทสตาร์ตอัพที่พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านบัญชีและภาษี มีการยกระดับธุรกิจซอฟต์แวร์เฮาส์ พัฒนาตนเองมาให้บริการในส่วนนี้ ก็จะเป็นการต่อยอดการให้บริการลูกค้าไปในตัวด้วย ขณะที่ผู้ให้บริการปัจจุบัน 20 ราย ก็ต้องปรับตัว เพื่อตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าให้อยากมาเข้าระบบภาษีมากขึ้น” นายลวรณ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image