พาณิชย์ เปิดสาย 1203 แจ้งข่าวมิจฉาชีพ ตรวจเข้มนอมินี 200 บริษัทเสี่ยง ใน 4 แหล่ง กทม.
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ ในการหลอกลวงติดต่อทางโทรศัพท์และ Line โดยแอบอ้างเอกสาร และเว็บไซต์เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ในการขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ เรื่องต่างๆ มีการเสนอเงินให้ความช่วยเหลือธุรกิจ โดยให้คลิกลิงก์เข้าไปกระทำการใด เป็นต้น
ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการเรียกประชุมทุกหน่วยงานภายในกระทรวง เพื่อบูรณาการทำงานและร่วมกันป้องปราม ทั้งนี้ ขอฝากไปยังประชาชน คือ
1.ทุกครั้งที่ได้รับโทรศัพท์หรือข้อความที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ให้สงสัยก่อนว่าเป็นการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ และห้ามทำธุรกรรมใดๆ อย่างเด็ดขาด เพราะการขอข้อมูลจากผู้ประกอบการหรือผู้มาติดต่อจะทำเป็นหนังสือทุกครั้ง
2.โทรแจ้งสายด่วน 1203 แจ้งข่าวมิจฉาชีพ เพื่อเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อมูลโดยเร็ว โดยวันทำการจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตั้งแต่ 08.30-17.00 น. จากนั้นจะเป็นระบบอัดเสียงและดำเนินการทันทีในวันถัดไป และสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงทำการตรวจสอบระบบข้อมูล ยกระดับการดูแลป้องกัน เร่งดำเนินการหากพบว่าคำร้องต่างๆ มีความผิดจริง เพราะเรื่องมิจฉาชีพเป็นการสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างมาก และกำลังมีการขยายวงและเพิ่มจำนวนมากในปัจจุบัน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีระบบป้องกันความปลอดภัยต่างๆ เช่น Firewall และ Cyber Security เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลต่างๆ อยู่แล้ว
นายกีรติกล่าวว่า จากข้อมูลตรวจสอบมิจฉาชีพ พบว่า ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนโทรเข้า 1203 เพื่อสอบถามข้อมูลหลังได้รับข้อความ บางส่วนกดลิงก์แล้ว และทำการโอนเงินไปยังข้อความที่ได้รับมา ประมาณ 50 รายที่เกี่ยวข้องกับกรมต่างๆ ในกระทรวงพาณิชย์ ยกเว้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่มีการรับเรื่องร้องเรียนโดยตรง และอยู่ในขั้นตอนส่งดำเนินคดีภายใต้กฎหมายอื่นประมาณ 18 คดี
“พร้อมกันนี้ได้เพิ่มความเข้มงวดกว่าปกติในเรื่องการตรวจสอบคนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติ (นอมินี) โดยได้กำชับไปพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้เข้มงวดการตรวจสอบบริษัทที่มีต่างด้าวถือหุ้น ป้องกันการฝ่าฝืนกฎหมายผู้ประกอบการต่างด้าว หลังจากมีกระแสข่าวสงสัยการเป็นนอมินีเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดประเทศและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก สปา/นวดไทย ร้านขายของที่ระลึกหรือบริการรถนำเที่ยว เป็นต้น โดยไม่ได้เน้นแค่ในจังหวัดใหญ่ อย่าง เชียงใหม่ ภูเก็ต แต่ให้ลงลึกทุกแหล่งท่องเที่ยวและเมืองรอง ซึ่งได้สั่งการว่าการตรวจสอบหรือดำเนินการใดๆ จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นมาลงทุนในไทยหรือทำลายบรรยากาศต่างชาติมาลงทุนในไทย” นายกีรติกล่าว
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลบริษัทที่มีการถือหุ้นโดยต่างชาติประมาณ 200 บริษัท ที่มีการถือหุ้นทั้งคนจีนและชาติอี่น ที่ให้บริการในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการสูง คือ เยาวราช ห้วยขวาง สัมพันธวงศ์ รัชดาภิเษก ทั้งนี้ หลักการเป็นการสุ่มตรวจบริษัทที่ถือหุ้นโดยต่างชาติ ว่ายังดำเนินการอยู่หรือไม่ ส่งบัญชีกฎหมายหรือไม่ เป็นธุรกิจได้รับอนุญาตตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.ผู้ประกอบการคนต่างด้าวถูกต้อง เป็นต้น
นอกจากนี้ กรมมีแผนตรวจสอบนอมินีทั่วประเทศประจำปี โดยเดือนกุมภาพันธ์ได้สุ่มตรวจนอมินีกับบริษัทที่มีต่างด้าวถือหุ้น ในเชียงใหม่เชียงราย 30 บริษัท จากจำนวน 50 บริษัท ในเดือนมีนาคมนี้จะไปจังหวัดในภาคใต้ ทั้งนี้ในแต่ละปี กรมมีแผนจะตรวจนอมินี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้พบการกระทำผิดใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีสะสมที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก หากพบว่ากระทำผิดก็เพื่อส่งดำเนินคดีประมาณ 100 ราย
