เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าแตะ 34 บาท หลังดอลล์พลิกแข็ง นักลงทุนหวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท การอ่อนค่าลงของเงินบาทนั้นมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเหรียญสหรัฐ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยเฉพาะในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ทั้งนี้ ประเมินว่าแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อค่าเงินบาทจะยังคงมีอยู่ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเดินหน้าขายสุทธิสินทรัพย์ไทย ทั้งหุ้นและบอนด์ อย่างต่อเนื่องได้
กอปรกับในเชิงเทคนิคัล เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน (สัญญาณ RSI และ MACD ต่างก็ชี้โอกาสอ่อนค่าต่อ) ทำให้ในระยะสั้น ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อจนทดสอบโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ที่เคยประเมินไว้ได้ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า เงินบาทจะอ่อนค่าทะลุระดับดังกล่าวได้หรือไม่
“หากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องทะลุระดับดังกล่าวได้จริง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างผู้ส่งออก มีการปรับแผนไม่รีบขายเงินดอลลาร์และอาจไปรอทยอยขายเหรียญสหรัฐในช่วงสูงกว่า 34.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เช่น 34.20 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” นายพูนกล่าว
นายพูนกล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐ ในเดือนมกราคม กลับไม่ได้ชะลอลงตามที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวัง โดย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเล็กน้อยสู่ระดับ 6.4% (ตลาดคาด 6.2%)
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงานชะลอลงไม่มากสู่ระดับ 5.6% (ตลาดคาด 5.5%) ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 52% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.50% ในการประชุมเดือนมิถุนายน สูงขึ้นจากโอกาสเพียง 36% ในสัปดาห์ก่อนหน้า (ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool)
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมกราคม โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดค้าปลีกอาจขยายตัวราว 1.8% จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคในฝั่งสหรัฐที่ยังคงดีอยู่ สอดคล้องกับสภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและตึงตัว
“หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาดมาก อาจทำให้ตลาดกังวลว่าเฟดยังไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ง่ายๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินได้” นายพูนกล่าว
