ผุดกองใหม่ถอนขนห่าน ขยายฐานรีดภาษี ยูทูบเบอร์-ดาวติ๊กต็อก
ปี 2566 เป็นอีกปีที่มีความท้าทาย แม้ว่าจะผ่านพ้นจากวิกฤตโควิดมาได้ แต่ก็เจอกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า ทำให้เกิดปัญหาราคาพลังงานแพง รวมทั้งผลกระทบการจากใช้นโยบายอัดฉีดในช่วงโควิด ทำให้ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ด้านยุโรปก็เจอกับปัญหาพลังงานลดน้อยลง จึงส่งผลกระทบต่อทั่วโลก หลายสำนักวิเคราะห์ คาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2566 จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ส่วนไทยเองก็ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่นกัน แต่ยังคาดว่าเศรษฐกิจจะไม่ถดถอย อย่างไรก็ดี ยังความท้าทายต่อประชาชน ภาคธุรกิจ รวมถึงรัฐบาลที่จะต้องพยายามหารายได้ สำหรับกรมสรรพากร ที่เป็นกรมจัดเก็บภาษีใหญ่ที่สุด โดยการประมาณการรายได้ปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 2.02 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565-มกราคม 2566) กรมสรรพากรจัดเก็บได้ 6.13 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสาร 6.09 หมื่นล้านบาท หรือสูงกว่า 11.0% รวมทั้งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า 4.69 หมื่นล้านบาท หรือสูงกว่า 8.3%
ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า กรมสรรพากรไม่มีความกังวลเรื่องการจัดเก็บภาษี โดยปีนี้ยังมั่นใจว่าจะจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ การจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรก เกินเป้าหมายไปแล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศก็เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีนิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ได้มากขึ้น
ปี 2566 นี้ กรมจะนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการเก็บภาษี เพื่อสนับสนุนให้คนเข้ามาในระบบง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมาสาเหตุส่วนหนึ่งที่คนไม่เข้ามาในระบบเพราะไม่เข้าใจ ดังนั้น กรมจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในส่วนนี้ให้ง่ายขึ้น
ล่าสุด ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย โดยนำบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง มาใช้ยืนยันตัวตนก่อนเข้าถึงบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี จากปัจจุบันก่อนเข้าระบบตรวจสอบข้อมูลทางภาษี หรือ My Tax Account ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้บริการ เพื่อความปลอดภัย ผ่าน 2 ช่องทาง คือ ผ่านบัตรประชาชน และบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล หรือเอ็นดีไอดี
การให้บริการยืนยันตัวตนผ่านแอพพ์เป๋าตัง จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางดิจิทัลต่างๆ รวมถึงเป็นช่องทางการชำระภาษีที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น มีระดับความน่าเชื่อถือของอัตลักษณ์เป็นไปตามกฎหมาย และข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือพีดีพีเอ
ประเมินว่า ยอดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในปี 2566 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในส่วนการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ขณะนี้อยู่ช่วงการเปิดให้ผู้มีเงินได้เข้ามายื่นแบบชำระภาษี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม ส่วนการยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น จะทยอยยื่นผ่านการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลปีละ 2 ครั้ง และภาษีมูลค่าเพิ่มชำระทุกเดือน จึงเห็นยอดการชำระภาษีที่มีแนวโน้มดีขึ้น
แต่ละปีจะมีผู้ยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรดาประมาณ 11 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคนเท่านั้น เมื่อได้รับรายงานมีผู้ยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว 2.4 ล้านราย มีประสงค์ขอคืนภาษี 1.4 ล้านคน ทางกรมได้คืนภาษีแล้วประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ ในจำนวนที่ยื่นแบบดังกล่าว เป็นการยื่นแบบทางระบบออนไลน์ถึง 95%
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 กรมเข้มงวดตรวจสอบการยื่นภาษีของบุคคลธรรมดาประจำปี 2565 อย่างละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาช่วยตรวจสอบ เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีความผิดปกติ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจในการยื่นแบบเสียภาษีให้ถูกต้อง ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบการยื่นแบบภาษีอย่างเข้มข้น จะส่งผลต่อการคืนเงินภาษีช้าเกิน 7 วัน แต่หากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจะได้รับเงินคืนภายใน 3 วัน
ถ้ายื่นแบบภาษีอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่ต้องกังวล หากได้รับเงินคืนกรมจะคืนให้ภายใน 3 วัน แต่คนใดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็จะใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น ขณะนี้พบว่ามีจำนวนที่ผิดปกติประมาณ 10-15% จากกลุ่มที่รอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขอเตือนว่า ช่วงการยื่นแบบเสียภาษี ทำให้มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหลอกลวงประชาชนจำนวนมาก หากประชาชนได้รับสาย หรือได้รับข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ลิงก์ รวมถึงทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นมิจฉาชีพ กรมยืนยันว่าไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ ส่งเอสเอ็มเอส ส่งลิงก์ หรือไลน์ ไปยังผู้เสียภาษีโดยตรง เพราะปกติจะใช้วิธีการส่งจดหมายราชการไปตามที่อยู่ผู้เสียภาษี และให้นำจดหมายที่ได้รับมาติดต่อกรมสรรพากรในพื้นที่
หากประชาชนมีข้อสงสัยทั้งการยื่นแบบและตรวจสอบเรื่องแอบอ้าง ให้โทรเบอร์ 1161 ขณะนี้ได้เพิ่มคู่สายเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว
อธิบดีกรมสรรพากร เผยถึงแนวทางการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมปี 2566 กรมได้ตั้งกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ เพื่อดึงคนเข้าระบบภาษี มีกลุ่มเป้าหมาย เช่น พ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์ หรือยูทูบเบอร์ อินฟูลเอนเซอร์ต่างๆ ที่มีรายได้จากธุรกิจออนไลน์เข้ามาอยู่ในระบบภาษี เพื่อขยายฐานผู้เสียภาษีให้มีจำนวนมากขึ้น หากมีรายได้ถึงกำหนด ก็มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้
ตลอดปี 2565 ชักชวนเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มแล้วกว่า 2 แสนราย เชื่อว่าในปี 2566 กลุ่มดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มขึ้นอีก ไม่ต้องห่วงว่ากรมสรรพากรจะจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้า เพราะกรมมีหน่วยงานจัดเก็บภาษีที่แข็งแรง มีเครื่องมือติดตามพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างใกล้ชิด ผ่านกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ ทำหน้าที่ดึงคนนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษีให้ถูกต้อง เชื่อว่าจากนี้ไปจะมีคนนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น เพราะเรื่องภาษีจะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป
ลวรณมั่นใจขยายฐานภาษีเพิ่มขึ้น จากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูบเบอร์ อินฟูลเอนเซอร์ รวมถึงบรรดาดาว ติ๊กต็อก ด้วย
