“กรุงศรี’คาดปี’66 สินเชื่อรายใหญ่โต 5% – ลุยปิด 10 ดีล หนุนรายได้พุ่ง 2.4 หมื่นล.

กรุงศรีปักเป้าปี’66 สินเชื่อรายใหญ่โต 5%-เดินหน้าปิด 10 ดีล หนุนรายได้เพิ่ม 2.4 หมื่นล.

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และวาณิชธนกิจธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา กรุงศรีประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมธุรกิจให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ โดยยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,5000 ล้านบาท โดยสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนกว่า35,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยก็เติบโตได้ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน

นายประกอบ กล่าวว่า ด้านทิศทางธุรกิจในปี 2566 ธนาคารยังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อใหม่อย่างต่ำ 24,000 ล้านบาท โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มดีอาทิ กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม ,เทเลคอม,พลังงานเป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าเ อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

พร้อมทั้งตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG

นายประกอบ กล่าวว่า รวมถึงชูศักยภาพด้าน Total Financing & Hedging Solutions ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการขยายการลงทุนในต่างประเทศผนึกกำลัง MUFG ผ่านเครือข่ายกว่า 50 ประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคตามแนวทาง GO ASEAN with krungsri

Advertisement

ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจนั้น ในปีนี้มีดีลการร่วมทุนควบรวมกิจการกว่า 10 ดีล อาทิ ธุรกิจในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไซส์ขนาดกลางประมาณ 1-5 พันล้านบาท ส่วนดีลดการซื้อบล.โนมูระ พัฒนสินนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อขายนายประกอบ กล่าว

นายประกอบ กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ปัจจัยภายนอกดูดีกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ความกังวลลดลง แต่มีปัจจัยต้องติดตาม อาทิ เรื่องเงินเฟ้อ ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับอัตราดอกเบี้ยโดยมีทิศทางอย่างไร รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจุดที่ยังน่าเป็นห่วงคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ประกอบกับมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ที่หมดอายุลงอาจจะส่งผลต่อเอ็นพีแอลให้ขยับเพิ่มได้

ทั้งนี้ ส่วนของธนาคารยังเดินหน้าในธีมเดิม แต่จะเจาะลึกมากขึ้น โดยให้ความสำคัญในด้านของ ESG ซึ่งมีการทีมงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าผ่าน MUFG ซึ่งถือจุดเด่นของธนาคาร ขณะที่การดูแลลูกค้าที่มีปัญหานั้น ตอนนี้คงเป็นโค้งสุดท้ายที่จะตัดสินได้ว่าจะมีใครเดินหน้าต่อไปได้บ้าง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image