8 ล้านคนวืด โดนตัดสิทธิ บัตรคนจน ‘สันติ’ ข้องใจสั่งกรุงไทยเคลียร์เกณฑ์คัดกรอง บิ๊กตู่ สั่งโอนรอบใหม่ให้ทัน 1มีนาคม
22 กุมภาพันธ์: ‘บัตรคนจน’ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสั่งการให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ และโอนเงินแก่ผู้มีสิทธิให้ทันวันที่ 1 มีนาคม ว่าน่าจะทันวันที่ 1 มีนาคม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิให้เรียบร้อยเท่านั้น หลายอย่างมีการปรับแก้พอสมควร ทั้งของเก่าและที่เพิ่มขึ้นใหม่ก็ต้องตรวจสอบเพราะมีกติกาอยู่ จะเห็นว่ามียอดเพิ่มขึ้นได้ตลอดทุกปี ไม่ใช่คนจนมากขึ้น เดิมมีการกำหนดรายได้ระดับหนึ่ง แต่วันนี้ขยายรายได้ให้มากขึ้น จึงต้องปรับตรงนี้ด้วยเพื่อให้เข้าถึงและมีความเป็นธรรม
สันติสั่งแจงกลุ่มไม่ผ่าน8ล้านคน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากธนาคารกรุงไทยในฐานะจัดการระบบการลงทะเบียนโครงการเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่ามีผู้มาลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น 22 ล้านคน โดยในรอบแรกระบบของธนาคารกรุงไทยได้คัดกรองคนผ่านคุณสมบัติตามที่กำหนด จนเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 19 ล้านคน แต่เมื่อทำการคัดกรองครั้งสุดท้าย ปรากฏว่าเหลือคนที่ผ่านการคัดกรองจำนวน 14 ล้านคนเท่านั้น
นายสันติกล่าวว่า ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองรวม 8 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 40% ของจำนวนคนที่ลงทะเบียนทั้งหมด ถือว่าเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทยส่งข้อมูลมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่ามีคนกลุ่มไหนไม่ผ่านเกณฑ์ และสาเหตุจากอะไร
หวั่นคนอุทธรณ์ล้นทะลัก
มีผู้ไม่ผ่านจำนวนมาก กระทรวงการคลังหวั่นวิตกว่าจำนวนคนยื่นอุทธรณ์จะล้นทะลัก จึงทำให้กระทรวงการคลังยังไม่สามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิในขณะนี้ ต้องรอการทบทวนตัวเลขคนที่ได้รับสิทธิและคนที่ถูกตัดสิทธิให้เกิดความชัดเจนก่อน ซึ่งตามแผนกระทรวงการคลังจะต้องประกาศใช้สิทธิดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
นายสันติกล่าวว่า แม้ว่าระบบการพิจารณาเพื่อรับสิทธิดังกล่าว จะมีระบบให้ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองสามารถอุทธรณ์ได้ก็ตาม แต่ตามปกติคำขออุทธรณ์ควรมีระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เป็นจำนวนมากหลายล้านคนหรือเกือบ 40% ของคนที่ลงทะเบียนทั้งหมดเช่นนี้
ธปท.ขยายเกณฑ์ร่วมคลินิกแก้หนี้
น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าแม้ขณะนี้เศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยังมีความผันผวน พบว่าปัญหาหนี้ส่วนใหญ่ยังคงมีอยู่ โดยหนี้ครัวเรือน ณ ไตรมาส 3/2565 ยอดหนี้ลดลงมาอยู่ที่ 87% ของจีดีพี แต่มีปริมาณหนี้สูงถึง 14.9 ล้านล้านบาท กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องสอดคล้องกับคำขอปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน ที่ ธปท.ได้จัดร่วมกับกระทรวงการคลังในช่วงที่ผ่านมา
น.ส.สิริธิดากล่าวว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ จึงมีมติปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการ ขยายให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย จากเดิมก่อนวันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และอยู่ระหว่างกำหนดแนวทางปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียจากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลได้ครอบคลุมและทันเวลายิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ธปท.ได้ออกแนวนโยบายการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน คือนอกจากจะดูแลการปล่อยหนี้ใหม่ให้มีคุณภาพแล้ว ธปท.จะออกเกณฑ์ให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายหนี้คืนและลูกหนี้ยังมีเงินเหลือพอดำรงชีพ รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหนี้สินเชื่อรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย พร้อมผลักดันให้เจ้าหนี้อื่นเห็นพฤติกรรมดีของลูกหนี้ เพื่อกระตุ้นการรีไฟแนนซ์หนี้ไปยังดอกเบี้ยที่ถูกลง โดยคาดว่าจะออกหลักเกณฑ์ได้ไตรมาส 2-3 ปีนี้ และบังคับใช้ในสิ้นปี 2566