CPALL โชว์กำไรปี’65 พุ่ง 13,272 ล้าน ปีนี้ลุยเปิด 7-11 อีก 700 สาขา

แฟ้มภาพ

CPALL โชว์กำไรปี’65 พุ่ง 13,272 ล้าน ปีนี้ลุยเปิด 7-Eleven อีก 700 สาขา

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ บริษัท ชีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2565 โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 852,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.1% มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ จำนวน 829,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.7% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 13,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2%

โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการรวม 354,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 64,745 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.3% มีกำไรขั้นต้น 97,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.3%

ทั้งนี้ ยังมีรายได้อื่นอีก จำนวน 21,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,073 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.2% จากรายได้การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของสาขา อาทิ การให้เช่าพื้นที่ บริการ และอื่นๆ

ในส่วนของต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารมี จำนวน 103,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,876 ล้านบาท หรือ 14.2% สาเหตุหลักมาจากเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน รวมถึงค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นจากการประกาศปรับขึ้นค่าไฟในปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม และให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Advertisement

ขณะที่ยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตรา 15.9% มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเท่ากับ 76,582 บาท มียอดซื้อต่อบิสโดยประมาณ 84 บาท ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 916 คน

ในปีที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ดังกล่าวธุรกิจร้านสะดวกซื้อได้ปรับแผนกลยุทธ์โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ นำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า

และเพิ่มรูปแบบของช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยความสะดวก ในการซื้อผ่านทั้งรูปแบบร้านสาขา ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) แพลตฟอร์มบนช่องทางออนไลน์ ได้แก่ 7-delivery และ ALL Online ซุปเปอร์ใกล้บ้าน รวมถึงเว็บไซต์ ShopAt24 ที่เพิ่มทางเลือกให้บริการสั่งและส่งสินค้าถึงปลายทาง ซึ่งได้รับการตอบรับในระดับดีอย่าง ต่อเนื่องจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

Advertisement

สำหรับปี 2566 ในส่วนธุรกิจร้านสะดวกซื้อวางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ และอำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยจะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่อีกประมาณ 700 สาขา ในปี 2566

ด้านประมาณการรายได้จากการขาย อัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากขายและบริการร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7-Delivery, All Online และ VendingMachine คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และ การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ

ส่วนประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น ตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,900-3,500 ล้านบาท โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000-4,100 ล้านบาท สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image