| ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
|---|
ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนใช้น้ำมันดีเซลและผู้ค้าเมื่อสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 2 ครั้ง และปรับเพิ่มค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซล 0.40 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงใช้เงินไป 1.40 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นประมาณ 92 ล้านบาทต่อวัน ต่อนโยบายนี้
ย้อนดูการปรับลด ครั้งที่ 1 ลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน 50 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกเหลือ 34.44 บาทต่อลิตร มีผล 15 กุมภาพันธ์ และครั้งที่ 2 ปรับลดลง 50 สต.ต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกเหลือ 33.94 บาทต่อลิตร มีผล 22 กุมภาพันธ์
การปรับลดราคาลงมีเหตุผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลก มีทิศทางผันผวนลดลง ปี 2565 ราคา 135.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เดือนมกราคม 2566 ราคา 116.12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1-20 กุมภาพันธ์ 2566 ราคา 105.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงดีขึ้น
ส่วนเพิ่มค่าการตลาดอีก 0.40 บาทต่อลิตร จากเดิมขอความร่วมมือที่ 1.40 บาทต่อลิตร เป็น 1.80 บาทต่อลิตร เพื่อให้ค่าการตลาดทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันอยู่ในกรอบ 2.00 บาทต่อลิตร และให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในเรื่องมาตรการบริหารจัดการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
การลดราคาขายปลีกดีเซล ปัจจัยหนุนนอกจากตลาดโลกปรับตัวลดลง อีกปัจจัยหนุนยังมาจากกระทรวงการคลังที่ขยายระยะเวลาลดเก็บภาษีดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร เหลือ 1.34 บาทต่อลิตร อีก 4 เดือนตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2566 ถึง 20 พฤษภาคม 2566 เป็นมาตรการต่อเนื่องตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565
ปัจจุบัน ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแนวโน้มดีขึ้น สถานะติดลบลดลง ล่าสุดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ติดลบ 106,134 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ติดลบ 108,610 ล้านบาท วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ติดลบ 111,409 ล้านบาท และวันที่ 29 มกราคม 2566 ติดลบ 113,436 ล้านบาท
เห็นอย่างนี้น่าลุ้นว่าอนาคตรัฐอาจลดราคาดีเซลลงได้อีก แต่จากการสอบถามผู้บริหาร สกนช. ได้คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “แนวโน้มจะลดราคาดีเซลลงอีกหรือไม่ กบน.จะพิจารณาเป็นรายสัปดาห์ และจะประกาศล่วงหน้าหากจะมีการปรับราคา ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมของฐานะกองทุน และทิศทางราคาน้ำมันโลกประกอบการตัดสินใจ”
หลังจากนี้ต้องจับตาว่าจะมีข่าวดีให้ชาวดีเซลได้เฮต่อเนื่องหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบ อาทิ การเปิดประเทศของจีนหลังภาวะโควิด ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับอัตราดอกเบี้ย ภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจถดถอย ไปจนถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อไม่รู้จุดสิ้นสุด
เหล่านี้ทำให้ชาวดีเซลได้ลุ้นทุกสัปดาห์แน่นอน!!
