เปิดวิธีตรวจสอบสิทธิ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566’ เช็กลิสต์คุณสมบัติ-หลักเกณฑ์

เปิดวิธีตรวจสอบสิทธิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 เช็กลิสต์คุณสมบัติ-หลักเกณฑ์ ที่นี่

จากกรณี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เตรียมประกาศรายชื่อผู้ “ผ่านคุณสมบัติ” จำนวน 14.5 ล้านคน ได้รับสิทธิ “บัตรคนจน” ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ โดยผู้ที่ผ่านคุณสมบัติต้องยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน

โดย เช็กผลการลงทะเบียนแล้ว ผ่านเว็บไซต์

  • https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th
  • https://welfare.mof.go.th

สำหรับผู้ที่มีรายชื่อได้รับสิทธิบัตรคนจน จะต้องยืนยันตัวตนผ่าน 3 ธนาคาร ได้แก่

ADVERTISMENT
  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ทั้งนี้ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร

จากนั้น รอตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือไปติดต่อหรือโทรศัพท์สอบถามที่หน่วยงานรับลงทะเบียน

ADVERTISMENT

เมื่อทราบผลแล้วว่ายืนยันตัวตนถูกต้องให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิสวัสดิการ โดยสามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้

ทั้งนี้ การผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ผู้ได้รับสิทธิสะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคต

สำหรับการยืนยันตัวตนจะแบ่งเป็น ทั้งหมด 5 รอบ

-รอบที่ 1 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 26 มีนาคม 2566 จะได้เริ่มใช้สิทธิ วันที่ 1 เมษายน 2566
-รอบที่ 2 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 26 เมษายน 2566 เริ่มใช้สิทธิ วันที่ 1 พฤษภาคม 2566
-รอบที่ 3 ยืนยันตัวตนระหว่าง วันที่ 27 เมษายน – 26 พฤษภาคม 2566 เริ่มใช้สิทธิ 1 มิถุนายน 2566
-รอบที่ 4 ยืนยันตัวตนระหว่าง วันที่ 27 พฤษภาคม – 26 มิถุนายน 2566 เริ่มใช้สิทธิ 1 กรกฎาคม 2566-รอบที่ 5 หรือรอบสุดท้าย ยืนยันตัวต้นระหว่าง วันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป และ เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 สิงหาคม 2566

สำหรับผู้ที่ยืนยันรอบ 2-4 จะได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ และสิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าเท่านั้น

ขณะที่ผู้ที่ยืนยันตัวต้น รอบที่ 5 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้

หากไม่ผ่านเกณฑ์ ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566 ระยะเวลา 62 วัน ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน

อ่านรายละเอียดทั้งหมด (คลิก) 

ทั้งนี้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เผยว่า จากที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” จำนวน 14.50 ล้านคน ในวันที่ 1 มี.ค. 2566 นี้ และให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน เพื่อเริ่มรับและใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป

ส่วนผู้ที่ไม่มีชื่อเพราะ “ไม่ผ่านคุณสมบัติ” สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ภายใน 60 วัน หลังจากการประกาศรายชื่อ และคาดว่าผลการอุทธรณ์จะทราบได้ในช่วงเดือน พ.ค. 2566 เป็นต้นไป ถ้าหากผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ผ่านแล้วได้รับสิทธิบัตรคนจน กระทรวงการคลัง จะให้สิทธิย้อนหลังเริ่มเดือน เม.ย. 2566

สำหรับการ “ยื่นอุทธรณ์” ให้เป็นหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย เนื่องจากธนาคารกรุงไทยไม่ได้ให้รายละเอียดของผู้ที่ไม่ผ่านสิทธิกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากกลัวจะผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือพีดีพีเอ จึงให้ธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่รับอุทธรณ์และชี้แจงเหตุผลกับประชาชนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ

ทั้งนี้ ได้มีการรายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า จากจำนวนผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิบัตรคนจนทั้งหมด 22 ล้านคน ผลปรากฏว่า มีประชาชนกรอกข้อมูลไม่ครบ 1.2 ล้านคน เมื่อส่งตรวจข้อมูลกับกรมการปกครอง ไม่ผ่านคุณสมบัติ 1 ล้านคน ทำให้รอบแรกมีผู้ผ่านคุณสมบัติรวม 19 ล้านคน ต่อมาได้ส่งไปตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานราชการ 6 หน่วยงาน เช่น กรมที่ดิน บัญชีเงินฝาก การถือครองบัตรเครดิต เป็นต้น ผลปรากฏว่าไม่ผ่านคุณสมบัติอีก 5 ล้านคน ทำให้เหลือผู้ผ่านคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์รวม 14.50 ล้านคน

คุณสมบัติ ของผู้ที่จะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนี้

1. มีสัญชาติไทย

2. อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3. ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง ส.ส. และ ส.ว.

4. รายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัว ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี

5. ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัว มีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน

6. ต้องไม่มีบัตรเครดิต

7. ต้องไม่มีวงเงินกู้ เกินเกณฑ์กำหนด ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท

หลักเกณฑ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์

ส่วนเกณฑ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้

  • กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา หรือห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร ส่วนกรณีเป็นที่อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
  • กรณีที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย ที่เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือใช้กรณีอื่นต้องไม่เกิน 1 ไร่ ส่วนกรณีมีครอบครัวกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรส แต่ละคนต้องไม่เกิน 25 ตารางวา ห้องชุดของแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
  • กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ ส่วนที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือกรณีใช้ประโยชน์ด้านอื่นต้องไม่เกิน 2 ไร่

อ่านข่าวน่าสนใจอื่น:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image