เงินบาทเปิด 35.25 แข็งขึ้นจากแรงขายทำกำไร กูรูเตือนแนวโน้มยังผันผวนฝั่งอ่อนค่า
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.25 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นบางส่วน หลังเงินบาทได้อ่อนค่าแรงในช่วงวันก่อนหน้าจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ แรงขายเงินเหรียญสหรัฐของฝั่งผู้ส่งออก รวมถึงการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทและหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจนและยังคงแกว่งตัวแคบ โดยเฉพาะหลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุกรอบแนวต้านที่ประเมินไว้ ทำให้โซนแนวต้านถัดไปจะถูกขยับขึ้นมาเป็นแถว 35.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนีภาคอุตสาหกรรมในส่วนของการผลิตและการบริการของสหรัฐ เพราะหากดัชนีปรับตัวขึ้น ดีกว่าคาดอาจหนุนให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อได้ ตามภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงสดใส แต่หากออกมาลดลงแย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดอาจปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐลงได้บ้าง
“อาจเห็นการย่อตัวของเงินเหรียญสหรัฐ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำได้ โดยในกรณีดังกล่าว ค่าเงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่อาจยังไม่หลุดแนวรับ 35.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” นายพูนกล่าว
นายพูนกล่าวด้วยว่า ด้าน เงินเหรียญสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ฝรั่งเศสและสเปนออกมาสูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินเหรียญสหรัฐก็พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นและกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ เงินเหรียญสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน
สำหรับวันนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งในภาคการผลิตและภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 50.2 จุด และ 53.5 จุด ตามลำดับ