บีโอไอ มั่นใจ ดันลงทุนปี 66 ได้ตามเป้า ไทยยังเนื้อหอม-ช่วงเปลี่ยรัฐบาลไม่กระทบแผนงาน

บีโอไอ มั่นใจ ดันลงทุนปี 66 ได้ตามเป้า ไทยยังเนื้อหอม-ช่วงเปลี่ยรัฐบาลไม่กระทบแผนงาน

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า แผนดึงการลงทุนของบีโอไอในปีงบประมาณ 2566 ได้วางแผนจัดกิจกรรมเชิงรุกเจาะกลุ่มเป้าหมายกว่า 200 ครั้ง ทั้งการจัดคณะโรดโชว์จากส่วนกลางและสำนักงานบีโอไอ 16 แห่งทั่วโลก เพื่อเผยแพร่มาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่และโอกาสการลงทุนในประเทศไทย การจับมือกับกลุ่มที่จะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น ธนาคารใหญ่ บริษัทที่ปรึกษา สมาคมอุตสาหกรรม โดยมีนักลงทุน เป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป

นายนฤตม์ กล่าวว่า ทั้งนี้ โรดโชว์ครั้งต่อไป บีโอไอจะเดินทางไปประเทศจีน โดยไปเมือง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และ เซินเจิ้น ส่วนกำหนดการถัดไป คือ เกาหลีใต้ กลุ่มทวีปยุโรป และไต้หวัน ตามลำดับ โดยจีนเป็นประเทศที่น่าสนใจเนื่องจากมีนักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมาก เพราะจีนเพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนที่ไทยจำนวนมาก เมื่อ 4-5 ปีที่ ผ่านมา โดยมีทั้งอุสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

“จีนเป็นประเทศใหญ่ มีบริษัทที่มีความสำคัญ และมีหลายบริษัทอีกมากที่ยังไม่ได้เข้ามาลงทุนในไทย ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่บีโอไอจะไปดึงดูดมาลงทุนในไทย โดยเน้นไปใน 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ บีซีจี และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงโควิด ก็ติดต่อกับนักลงทุนจีนทางออนไลน์ยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ได้เจอต่อหน้า ไปสร้างความมั่นใจ และให้เห็นความก้าวหน้าของนโยบายการลงทุนไทยด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

Advertisement

นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องเศรษฐกิจโลกกับการลงทุนนั้น จะเห็นว่าตั้งแต่มีโควิด ก็มีความท้าทายที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องซัพพลายเชนดิสรัปชั่น รวมทั้งการแบ่งขั้วระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดีกลับมาองว่าปัจจัยเหล่านี้กลับเป็นผลบวกต่อประเทศไทย ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ และเป้าหมายฐานที่จะมาคือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในภูมิภาคนี้ ไทยก็มีความโดดเด่นในสายตานักลงทุน

นายนฤตม์ กล่าวว่า จากที่ไปโรดโชว์มาสองครั้งทั้งที่ญี่ปุ่นและอเมริกา นักลงทุนต่างชาติมองว่า ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับอุตสาหกรรมได้สูงสุดในภูมิภาค ตั้งแต่ท่าเรือ สนามบิน ถนน นิคมอุตสาหกรรม และระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า อีกปัจจัยคือ อุตสาหกรรมสนับสนุน ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในไทยก็มีครบวงจร ดังนั้นไทยถือว่ามีทุกอย่างพร้อมรองรับบุคลากรไทยก็มีคุณภาพ มีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อภาคธุรกิจ และต้นทุนก็ไม่สูงเกินไป ทำให้ไทยมีความโดดเด่น

นายนฤตม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ไทยยังเป็นเขตประเทศที่ไม่มีเรื่องความขัดแย้งกับต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องกลัวเรื่องแซงก์ชั่น และการโดนแบน หากส่งออกสินค้าจากไทยนั้น จึงมั่นใจว่าการลงทุนปี 2566 นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ไทยจะสามารถรักษาระดับการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามไทยยังคงต้องสร้างจุดแข็งใหม่เพิ่มเติม เพราะประเด็นหนึ่งที่ญี่ปุ่นและอเมริกาให้ความสำคัญ คือ เรื่องของพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องการมาก และเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนจะเลือกเป็นฐานการลงทุนในอนาคต

Advertisement

นายนฤตม์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของช่วงรอยต่อจากการเลือกตั้ง เปลี่ยนรัฐบาลนั้น คาดว่าไม่มีผลกระทบ เนื่องจากแผนงานต่างๆ ของบีโอไอ อาทิ โรดโชว์ ยังเป็นงานที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลก็ตาม ส่วนของในประเทศเอง ในปี 2566 ก็มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนกว่า 70 ครั้ง อาทิ สัมมนาใหญ่ บีโอไอพบผู้ประกอบการ 4 ภาค และ กิจกรรม เทรน เดอะ เทรนเนอร์ ที่จับมือกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image