‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ ชี้ ศก.ฟื้นเท่าก่อนเกิดโควิด ตั้งเป้าปี’66 ปั้นรายได้โต 25%

‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ ชี้ ศก.ฟื้นเท่าก่อนเกิดโควิด ตั้งเป้าปี’66 ปั้นรายได้โต 25%

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ ฟื้นตัวขึ้นมาเทียบเท่าปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 แล้ว แต่แม้ 3 ปีที่ผ่านมาจะเจอผลกระทบจากโควิด และเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ต้องหยุดจัดงานคอนเสิร์ตต่างๆ แต่จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ก็โชว์ศักยภาพ สร้างการเติบโตแบบสวนกระแส เป็นผลมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ถือว่าเป็นธุรกิจสำคัญของแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ชี้ถึงโอกาสของการเจริญเติบโตในระยะยาว ได้แก่ ธุรกิจ Digital Business ในปี 2565 มียอดรายรับที่ 1,089 ล้านบาท ธุรกิจ Right Management Business ในปี 2565 มียอดรายรับที่ 236 ล้านบาท

นายภาวิตกล่าวว่า หลังจากโควิดได้คลายตัวลง รัฐบาลมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น สนับสนุนธุรกิจหลักให้ฟื้นตัว สามารถกลับมาจัดกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาดได้เพิ่มขึ้น จึงเห็นธุรกิจ Showbiz สร้างยอดรายรับที่ 542 ล้านบาท และธุรกิจ Live Show สร้างยอดรายรับที่ 410 ล้านบาท สามารถกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทในเชิงบวกให้ดีขึ้น แม้มีระยะเวลาการจัดงานเพียง 7 เดือนเท่านั้น

นายภาวิตกล่าวว่า กลุ่มมิวสิกคอนเทนต์ (การผลิตเพลงและศิลปิน) ที่สร้างการเติบโตผ่านความร่วมมือกับทุกแพลตฟอร์มดิจิทัลที่คนไทยนิยมใช้ฟังเพลง สามารถนำคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นให้เกิดความประทับใจ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา จีเอ็มเอ็ม มิวสิค มียอดการสตรีมทั้งหมด 14,000 ล้านการสตรีม เกิดจากการสร้างเพลงใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 404 เพลง โดยแบ่งออกเป็น 30 อัลบั้ม, 153 ซิงเกิล, 44 เพลงประกอบภาพยนตร์ และ 48 เพลงคัฟเวอร์ อีกทั้งถูกนำไปสร้างและแชร์เป็นเพลย์ลิสต์ จำนวน 3,817 เพลย์ลิสต์ ซึ่งเพลงใหม่ทั้งหมดนั้นสร้างการสตรีม จำนวน 2,150 ล้านการสตรีม คิดเป็น 16% ของการฟังเพลงจีเอ็มเอ็ม มิวสิคทั้งหมด สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยการสตรีมเพลงใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก โดยมียอดการสตรีมอยู่ที่ประมาณ 15% แบ่งเป็น 3 อันดับแรกคือ เพลงร็อก 40% เพลงลูกทุ่ง 32% และเพลงป๊อป 14%

ADVERTISMENT

นายภาวิตกล่าวว่า จีเอ็มเอ็ม มิวสิค วางทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้โต 25% เน้นการเติบโตทุกส่วนธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม และสร้างโอกาสขยายตัวธุรกิจใหม่ เพื่อตอกย้ำการเป็น MUSIC INFRASTRUCTURE อันดับ 1 ของประเทศ พร้อมเน้น 5 Core Focus เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญพร้อมนำพาทุกธุรกิจของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค พุ่งทะยานไปสู่เป้าหมายการสร้างรายได้ 3,800 ล้านบาทในปี 2566

ทั้งนี้ 5 Core Focus ของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค ได้แก่ 1.Entertainment Data Intelligence การลงทุนแพลตฟอร์มด้านบิ๊กเดต้า เพื่อช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากที่สุด สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ ตั้งเป้าหมายการเป็นเดต้าคัมพานี 2.No.1 Music Performance in Thai Market รักษามาตรฐานการเป็นค่ายเพลงที่มียอดการสตรีมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งจากเพลงใหม่และเพลงเก่า 3.Rebuild The New Generation วางเป้าหมายในการสร้างศิลปินใหม่อย่างต่อเนื่อง 4.Digital Crossover สร้างรายได้ให้เติบโตสูงสุดในกลุ่ม Digital Music และ 5.No.1 Showbiz in Thailand ยึด 7 จุดยุทธศาสตร์ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ด้าน Music Festival-Indoor Concert ที่ดีที่สุด ใหญ่ที่สุด มีศิลปินมากที่สุด และมียอดผู้ชมมากที่สุด พร้อมขยายโอกาสใหม่ในการสอดแทรกเข้าสู่งานเทศกาลประจำจังหวัดใหญ่ อาทิ งานสงกรานต์ งานฮาโลวีน งาน LGBTQ+ งานเทศกาลดนตรีระดับสากล คอนเสิร์ต และงานแฟนมีตติ้ง

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image