ปิดแผนลงทุน 5 ปี ‘ไทยออยล์’ ทุ่มไม่ยั้ง 6.8 หมื่นล้าน
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (ปี’66-70) ไว้ที่ 2,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 6.4-6.8 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3.2-3.4 หมื่นล้านบาท จะใช้ในช่วงระยะ 3 ปีนี้ (66-68) ซึ่ง 50% จะใช้รองรับโครงการ CFP และโรงไฟฟ้า SPP คาดว่าจะให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนเมษายนนี้
ส่วนอีกประมาณ 270 ล้านเหรียญ จะลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมี ขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะสรุปได้ในช่วงกลางปีถึงปลายปีนี้ และอีก 220 ล้านเหรียญ จะใช้ปรับปรุงในเรื่องต่างๆ และการลงทุนในสตาร์ตอัพ
ขณะที่อีก 1,000 ล้านเหรียญ จะใช้ในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้และเงินกู้ที่มีอยู่ 800-900 ล้านเหรียญ
สำหรับปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 570 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ในโครงการ CFP โดยทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยอมรับว่ารายได้จะปรับตัวลงเหลือราว 4 แสนล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 5.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าการกลั่น GRM สิงคโปร์กลับมาสู่ระดับปกติ ปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่อยู่ที่ 6-8 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ 10.7 เหรียญต่อบาร์เรล
อีกทั้งคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบครึ่งแรกของปีนี้น่าจะอยู่ในกรอบ 80-85 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีความไม่แน่นอนสูงอยู่
อย่างไรก็ดี คาดการณ์ปริมาณการขายน้ำมันปีนี้โต 4-5% โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานที่คาดโตได้กว่า 50% จากการเดินทางหนุน และความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโตขึ้น อีกทั้งในปีนี้ TOP จะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ทำให้เดินเครื่องกำลังการผลิตได้เต็ม 100% ประมาณ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน
