รมว.คลัง โชว์วิชั่นแก้ ‘ขาดแคลนแรงงาน’ แนะลดหย่อนภาษี กระตุ้นจ้างงานสูงวัย

‘อาคม’ แนะใช้มาตรการลดหย่อนภาษีหนุนจ้างงานสูงวัย รองรับสังคมผู้สูงอายุ ยันเศรษฐกิจไทยยังเติบโต ฐานะการคลังมั่นคง

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะวิทยากรพิเศษในงาน THE NEXT THAILAND’FUTURE จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ว่า

ปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้น เป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องกลับมาพิจารณา เพราะเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศได้เข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วกว่าที่คาด และการไม่กลับเข้าสู่ตลาดแรงงงานหลังเหตุการณ์โควิด ดังนั้น กระทรวงการคลังควรมีนโยบายเรื่องของมาตรการการลดหย่อนภาษีเพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจ้างงานกลุ่มผู้สูงวัยมากขึ้น

“แม้ว่า ที่ผ่านมาการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น เพราะรัฐบาลมีมาตรการรักษาระดับการจ้างงาน แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องกลับมาพิจารณา เพราะการขาดแคลนแรงงานในอนาคตจะเพิ่มขึ้น จากปัจจัยหลายอย่าง เป็นปัญหาใหญ่ ส่วนหนึ่งเพราะสังคมเราก้าวสู่สังคมสูงอายุรวดเร็วกว่าคาด เพราะฉะนั้น มาตรการของรัฐเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่เกษียณการทำงานอายุ 60 ปี ที่ทำให้มีรายได้ใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น ต้องดูในอนาคต ว่าคลังจะมีมาตการต่อในเรื่องมาตรการภาษีอย่างไร” นายอาคมกล่าว

Advertisement

นายอาคมกล่าวว่า สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของประเทศนั้น ขณะนี้ มีคำถามว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นในอาเซียนหรือไม่ เรียนว่า ขณะนี้ เศรษฐกิจของไทยค่อยๆ ปรับระดับ แสดงให้เห็นว่า เส้นทางการเติบโตจะไปเรื่อยๆ แต่จะสูงสุดเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ

อย่างไรก็ตาม การเติบโตตามศักยภาพของเศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ที่ 4-5% แต่คลังมองว่า จีดีพีไทยในปี 2566 นี้ น่าจะเติบโตได้ 3-4% แต่หากเราสามารถประสิทธิภาพของประชากรได้ ระดับจีดีพีจะเพิ่มขึ้นได้อีก 1% ซึ่งเราต้องเพิ่มทักษะแรงงาน

นายอาคมกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในแง่เสถียรภาพเศรษฐกิจนั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งในเรื่องของเงินเฟ้อ ทุนสำรองระหว่างประเทศ หนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือน โดยในเรื่องของเงินเฟ้อนั้น ขณะนี้ ทยอยปรับลดลง และอยู่ในกรอบ 1-3% ซึ่งรัฐบาลก็ได้ใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเข้าไปช่วยดูแล

Advertisement

ส่วนหนี้สาธารณะอยู่ในระดับ 61.26% ต่อจีดีพี เพิ่มขึ้นจากการกู้เงินขาดดุลงบประมาณ โดยปีงบประมาณ 2566 ระดับขาดดุลอยู่ที่ 6.59 แสนล้านบาท ลดลงจากปีงบ 2565 เป็นสัญญาณการเข้าสู่การเข้าสู่ความยั่งยืนทางการคลัง ทางด้านทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่นะดับ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น ฐานะการคลังไม่มีปัญหา

“เรื่องงบประมาณสมดุลนั้นพูดกันมานาน แต่ไม่ได้หมายความว่า จะลดการใช้จ่าย ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น ธปท.ก็ขอความร่วมมือสถาบันการเงินช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนการพักชำระหนี้ก็มีอยู่บ้าง แต่พักนานจะทำให้เรามีภาระสถาบันกาเงิน เราจึงเน้นปรับโครงสร้างหนี้มากกว่าการพักหนี้ ที่สุดจะเกิดหนี้เสีย” นายอาคมกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image