ผู้เขียน | เกษมณี นันทรัตนพงศ์ |
---|
3ศิลปินหนุ่ม‘ไทยเทเนี่ยม’
ต่อยอดแบรนด์สู่ธุรกิจเครื่องดื่ม
ทางที่เลือก…เป็นตัวของตัวเอง
หนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่หลากหลายสินค้านิยมเลือกใช้ในปัจจุบัน นั่นคือ มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง
ด้วยเพราะการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ แม้แต่คนรุ่นปัจจุบันก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย
แต่สำหรับ 3 ศิลปิน สมาชิกวง ไทยเทเนี่ยม เวย์-ปริญญา อินทชัย, ขัน-ขันเงิน เนื้อนวล และ เดย์-เนเมียว ธาน เลือกใช้จุดแข็งของ มิวสิก มาต่อยอดจับธุรกิจเครื่องดื่มให้พลังงาน (Energy Drink) หนึ่งในเครื่องดื่ม Functional Drinks ที่ตลาดโตตามเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนทั่วโลก ยิ่งเจอผลพวงของการระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้การดูแลสุขภาพยิ่งถูกใส่ใจมากขึ้น และต้องการหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพในไทยมีมูลค่าตลาดแตะ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 5-7% จากปี 2564 มูลค่าอยู่ที่ 9,654 ล้านบาท
ซึ่งเรื่องการทำธุรกิจของคนแวดวงบันเทิง ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้น เพราะแทบทุกคนล้วนมีอาชีพที่ 2-3 กันทั้งสิ้น
สำหรับสมาชิกวงไทยเทเนี่ยมเอง การทำธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เช่นกัน ทั้งสามคนมีธุรกิจของตัวเอง แต่สำหรับครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ 3 สมาชิกไทยเทเนี่ยมที่ลงขันร่วมธุรกิจกัน โดยมี 2 มือเก๋าด้านการตลาด คุณสรรเสริญ สิริธนวุฒิ และ คุณอำพล สันติชวลิต มาร่วมก่อตั้ง บริษัท ไทยเทเนี่ยม เบฟเวอเรจ จำกัด ทำแบรนด์แรก “POWER THAITANIUM (เพาเวอร์ไทยเทเนี่ยม)” เครื่องดื่มให้พลังงานผสมวิตามิน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ในต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
“ฟีดแบ๊กดีครับ ในปีนี้ เตรียมออกรสใหม่เพิ่มเติมจากรสดั้งเดิมที่ผสมวิตามิน ได้แก่ รสฮันนี่ เลมอน, รสส้ม, รสองุ่น และรสซีบีดี” ขันเงินกล่าวแนะนำสินค้า
ก่อนจะว่าไปถึงอนาคตของ POWER THAITANIUM อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องเป็น Functional Drinks เวย์เฉลยว่า “เราชอบทำอะไรที่มักจะเริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัว สิ่งที่ใช้ ซึ่งทุกครั้งที่ไปมิวสิกทัวร์ คอนเสิร์ต สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ น้ำดื่ม ด้านหลังเวทีจะมีเครื่องดื่มหลากหลายมากให้เลือก กระทั่งมีนักลงทุนทาบทามให้ทำธุรกิจร่วมกันบ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าของ บริษัทสปอนเซอร์ทัวร์-คอนเสิร์ตบ้าง ทำให้เห็น potential (ศักยภาพ)อีกทั้งสินค้าเครื่องดื่มก็เป็นสิ่งที่ใช้ประจำของเรา การทำอะไรที่เราใช้อยู่แล้ว ยังไงก็ได้ใช้ จึงมองว่าธุรกิจมันไปได้ ก็เริ่มมีแนวคิดว่า ทำไมไม่ทำกันเอง เพราะไม่มีใครจะรู้จักตัวเรา ไทยเทเนี่ยมแบรนด์ เท่าพวกเรา”
เดย์กล่าวย้ำว่า ถ้าเราไม่ทำเอง ไม่น่าจะมีใครเข้าใจเรา 3 คน มากเท่าตัวเราเอง
ขันเงินเสริมว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุนทาบทามมาเยอะ แต่พอได้คุยกันเหมือนไม่เข้าใจเรา จึงหาพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจและเห็นภาพเดียวกันกับเรา จึงตัดสินใจทำ
หรือคุณสรร ผู้จัดการฝ่ายการค้าแบบสมัยใหม่ บริษัท ไทยเทเนี่ยม เบฟเวอเรจ จำกัด และหนึ่งในพาร์ตเนอร์ ขยายความว่า เรื่องรสชาติ แพคเกจจิ้ง สมาชิกไทยเทเนี่ยมได้เทสต์ มาหมดแล้วระหว่างเล่นคอนเสิร์ต จึงได้นำมาพัฒนาสูตร
ขันเงินบอกว่า สมาชิกไทยเทเนี่ยมทุกคนไม่ชอบเครื่องดื่มหวาน เครื่องดื่ม POWER THAITANIUM จึงเป็นสูตรหวานน้อย ซึ่งกว่าจะพัฒนาสินค้า ทั้งรสชาติและแพคเกจจิ้ง ใช้เวลาพัฒนาอยู่นานหลายปี ตั้งแต่ก่อนจะเกิดโควิดระบาด โดยเท่าที่สำรวจตลาด ขนาด 330 มล. คู่แข่งในตลาดไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มอัดก๊าซ แต่ POWER THAITANIUM ไม่อัดก๊าซ เพราะพวกเราไม่ชอบดื่มก๊าซ จะมีผลต่อการแสดงบนเวที
เดย์เสริมว่า อีกเหตุผลคือพวกเราชอบออกกำลังกาย จึงต้องการเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น แค่นั้น
เวย์กล่าวสรุปว่า POWER THAITANIUM ขวด 330 มล.ที่ผลิตออกมา เป็นความตั้งใจสูงมากของไทยเทเนี่ยม อยากให้สินค้า made the first impression (ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก) โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งคนดนตรี นักกีฬา คนที่ใช้ร่างกายทำ activity ทั้ง แดนเซอร์ มวย เกมเมอร์ รวมถึงกลุ่มแฟชั่น ศิลปะ อาร์ต รวมถึงมีโปรเจ็กต์อยากสนับสนุนเด็กไทยรุ่นใหม่ ทั้งด้านกีฬา อาร์ต มิวสิก และเกมมิ่ง
สรรเสริญเสริมว่า เชื่อว่าแพคเกจจิ้งที่ดีไซน์ออกมาจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเกมเมอร์ที่พฤติกรรมระหว่างเล่นเกมจะมีเครื่องดื่มวางไว้ข้างตัวเพื่อจิบขณะเล่นเกม น่าจะตอบโจทย์กลุ่มนี้และเด็กทั่วไป ด้วยดีไซน์ดูพรีเมียมทันใหม่ แต่จำหน่ายราคาถูกกว่าคู่แข่งในตลาด ซึ่งจากการทำสำรวจ พบว่าสาขาเซเว่นฯแถวมหาวิทยาลัยยอดจำหน่ายสูงกว่าสาขาอื่นๆ ถือว่าตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย คือเด็กรุ่นใหม่ นักศึกษา ตามที่วางเป้าหมายไว้ เช่นเดียวกับสาขาเซเว่นฯในสถานีบริการน้ำมัน มียอดจำหน่ายที่ดี ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้รถ โดยวางเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 350 ล้านบาท
ถามถึงโครงสร้างธุรกิจ ใครมีหน้าที่ทำอะไร
ขันเงินบอกว่า ทุกคน (รวมถึงคุณสรรและคุณอำพล) คือหุ้นส่วน เป็นพาร์ตเนอร์ เวย์เสริมว่า ช่วยกันดูแลทุกอย่าง มาร์เก็ตติ้ง การผลิต ดีไซน์ strategy (กลยุทธ์) แบรนดิ้ง ยกเว้น ดิสทิบิวชั่น เป็นหน้าที่ของมืออาชีพคือคุณสรรและคุณอำพล
“พวกเรานิยามเครื่องดื่มที่บ่งบอกถึง ‘ไทยเทเนี่ยม’คือ Power Always on เพราะไทยเทเนี่ยมคือเหล็กที่แข็งแรงที่สุดในโลก” เวย์เอ่ยถึง POWER THAITANIUM ขันเงินแปลความว่า พลังงานที่ไม่มีวันดับ โดยมีสโลแกนของแบรนด์ว่าเป็นเครื่องดื่มพลังงานที่ให้รสชาติหวาน หอม อร่อย สดชื่น
ขยี้ต่อว่า จากนักร้องมาเป็นนักธุรกิจ จดจัดตั้งเป็นรูปบริษัท ต้องปรับตัวอย่างไร ขันเงินตอบคนแรกว่า ไม่ต้องปรับตัวเลย ทั้งนักร้อง นักธุรกิจ พื้นฐานคือเหมือนกัน เวย์ขยายความ การเป็นนักร้องก็เหมือนเป็นแบรนดิ้ง ไทยเทเนี่ยมคือแบรนด์ การทำเพลงมันก็มีการลงทุน ที่ผ่านมา 20 กว่าปีของอายุ “ไทยเทเนี่ยม” เราลงทุนทำกันเอง มีการต่อยอดปั้นศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายของเรา มันก็คือ business “อย่างที่บอก เวลาเราทำอะไร จะเอาสิ่งที่มันใกล้ตัวมากที่สุด อย่างผมมาเมืองไทย ไม่มีร้านตัดผมอย่างที่ต้องการ ก็เลยสอนคนให้ตัดผม แล้ววันหนึ่งผมก็ทำธุรกิจร้านตัดผม หรือเมื่อผมมีครอบครัว มีลูก ผมอยากแต่งตัวให้ลูก ก็ดีไซน์เสื้อผ้าให้ลูกใส่ แล้ววันหนึ่งผมก็จับเป็นธุรกิจ”
ขณะที่ ขันเงิน ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวทำธุรกิจชาร์เตอร์ไฟลต์ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า มีสตอรี่ เริ่มจากคุณปู่เคยเป็นนักบินของสายการบินไทยรุ่นแรก ขณะที่คุณพ่ออยากทำธุรกิจนี้ ประกอบกับมีคนมาชวนทำ มันเป็นจังหวะที่พัวพันกันอยู่
วกกลับมาที่ POWER THAITANIUM วางเส้นทางอนาคตธุรกิจนี้อย่างไร ขันเงินบอกว่าในปีนี้นอกจากออกรสใหม่ๆ แล้ว จะมีเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไลน์นี้ ไม่ใช่เครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน แต่ยังคงความเป็น ไทยเทเนี่ยม เพาเวอร์ และวางแผนจะทำเวิลด์ทัวร์พาสินค้าออกไปต่างประเทศ พาไปแนะนำให้คนทั่วโลกได้รู้จัก แต่เป็นแผนที่จะทำหลังจากเราทำตลาดในประเทศได้ดีแล้ว ดังนั้น ในปีนี้ยังคงมุ่งทำตลาดในประเทศเป็นหลักก่อน
เวย์เสริมว่า พวกเรามีความมั่นใจมาก เพราะก่อนอื่น ถ้าจะขายสินค้าไม่อร่อย ไม่ดี ก็คงไม่กล้าขาย ส่วนแผนจะทำตลาดออกไปต่างประเทศ คิดว่ามีความเป็นได้ ชื่อแบรนด์แข็งแรง เรามี connection มีทีมงานแข็งแรง โดยเป้าหมายของเราคือ ไปตีระฆังให้ได้ 100% ในปีนี้น่าจะได้เห็นที่ประเทศใกล้ๆ บ้าน อย่าง กัมพูชา ลาว เวียดนาม
ถามอีกว่า แบ่งพาร์ตยังไงระหว่างการทำธุรกิจและอาชีพที่รัก “วงไทยเทเนี่ยม” เริ่มที่ เวย์ อย่างที่บอก มีธุรกิจอยู่แล้ว คือร้านตัดผม และแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก ส่วนเดย์บอกว่า ชอบทำงานเบื้องหลัง สร้างหนัง ผลงานล่าสุด คือ เกมเชนเจอร์ ตั้งเป้าว่าจะเป็นผู้กำกับหนัง ส่วนขันเงิน บอกว่าตอนนี้โฟกัสที่ POWER THAITANIUM และโปรดิวเซอร์ด้านเพลง
แต่ที่สุดแล้ว 3 หนุ่มไทยเทเนี่ยมให้คำตอบตรงกันว่า ยังคงทำเพลงต่อไป
“การทำธุรกิจและทำค่ายเพลง จะล้อไปด้วยกัน มันจะไปด้วยกันเสมอ ไทยเทเนี่ยมยังเล่นคอนเสิร์ตทุกวัน ยังต้องการพลังในทุกๆ วัน พลัง POWER THAITANIUM” ขันเงินกล่าวสรุป
เกษมณี นันทรัตนพงศ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดแนวคิดซีอีโอหญิงแกร่ง เมกาบางนา “พลินี คงชาญศิริ” ไม่ขีดกรอบแค่ศูนย์การค้า
- เปิดวิธีคิด ‘ณญาณี เผือกขำ’ พร้อมเรียนรู้ ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง พา‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ตัวจริงธุรกิจบัตรเครดิต
- สุวิสาข์ จักกะพาก ปรับลุค‘สุเมฆา’ ปั้นเว็บ‘So Good Stricker’ฉลากสติ๊กเกอร์ พาธุรกิจสิ่งพิมพ์ครอบครัวฝ่าดิจิทัลดิสรัปชั่น