น.ส.ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 4/2559 คาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากทิศทางปริมาณคำสั่งซื้อทั้งงานพิมพ์แบบฟอร์ม ปฏิทินปี 2560 งานสิ่งพิมพ์ในวาระพิเศษมีเพิ่มขึ้น และยังมีงานในมือที่เหลือ 200 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 30% และงานเอกชน 70% สำหรับปี 2560 คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ที่ดีขึ้นจากการขยายงานในปี 2559 ที่ผ่านมา เพราะบริษัทฯร่วมทุนกับ Wellco จากประเทศญี่ปุ่น ในการทำธุรกิจผลิต Label ซึ่งขณะนี้รอข้อสรุปจากผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของไทย คาดว่าจะมีรายได้ดีขึ้นและหากได้งานจากผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ จะเป็นผลดี ต่อรายได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ในต่างประเทศ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เพื่อรองรับงาน Printing and Solution ทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซึ่งมองการเติบโตของกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ คาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 7-8% จากเดิมอยู่ที่ 1%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงวด 9 เดือน (วันที่ 1 มกราคม – สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,083.49 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,015.29 ล้าน ปรับเพิ่มขึ้น 68.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.72% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 251.73 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 204.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.07% โดยผลงานในไตรมาส 3/2559 มีรายได้จากการขาย 379 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 349 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 94.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.16 ล้านบาท หรือ 34.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“ภาพรวมผลงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับงานพิมพ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลงานในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้รับงานพิมพ์แบบพิเศษและแบบพิมพ์ปลอดการทำเทียมที่มีสัดส่วนมาร์จิ้นสูง และมีออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น เป็นส่วนสนับสนุนให้ผลงาน 9 เดือนของปีนี้เติบโตอย่างน่าพอใจ ขณะที่งวดไตรมาส 3/2559 รายได้และกำไรที่เพิ่มมากขึ้น มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 8% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมาจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นบริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน อาคารพาณิชย์ ที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 22.32 ล้านบาท” น.ส.ศิริวรรณ กล่าว
