หุ้นไทยปิดดิ่ง 48.22 จุด แพนิกแบงก์สหรัฐล่ม

หุ้นไทยปิดดิ่ง 48.22 จุด แพนิกแบงก์สหรัฐล่ม

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,573.07 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,524.85 จุด ปรับลดลง 48.22 จุด หรือ 3.07% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,572.36 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,518.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 103,839.82 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย โดยดัชนีปรับลงลึกกว่า 54 จุดในช่วงท้ายก่อนปิดตลาด ซึ่งสาเหตุมาจากความกังวลการปิดธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) รวมถึงธนาคารซิกเนอเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ที่ถูกสั่งปิดไปในสหรัฐ ทำให้มีแรงเทขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก จากช่วงก่อนหน้าที่มีแรงซื้อสะสมค่อนข้างมาก ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกอย่างอาหาร เครื่องดื่ม ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงพลังงานด้วย ทำให้เป็นแรงกดดันดัชนีปรับลดลงอย่างร้อนแรง แต่ในภาพรวมยังไม่มีปัจจัยลบอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากประเด็นความกังวลนี้

อ่าน หุ้นไทยดิ่ง ปิดตลาดภาคเช้าลบ 20.37 จุด แรงกังวลแบงก์สหรัฐล้ม

Advertisement

กรอบล่างของดัชนีให้ไว้ที่ระดับ 1,500 จุด และคาดว่าไม่น่าจะหลุดจากระดับนี้แล้ว เพราะตอนนี้ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,524 จุด ถือเป็นดาวน์ไซด์ในเชิงปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีมากนัก สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสหรัฐก็พยายามควบคุมไม่ให้ขยายวงกว้างแล้วด้วย ซึ่งตอนนี้เป็นเรื่องความเชื่อมั่นของการลงทุนที่ลดลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสินทรัพย์ในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่มีความเสี่ยงในด้านเครดิตที่สูงกว่า แต่ในเชิงมูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) บริเวณระดับ 1,524 จุด อัตราส่วนราคาเทียบกำไรต่อหุ้น (พีอี) อยู่ที่ 14.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 16 เท่าในอดีตค่อนข้างมากแล้ว ดาวน์ไซด์ในเชิงแวลูเอชั่นจึงค่อนข้างจำกัดแล้ว

“แนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในเดือนมีนาคมนี้ ยังมีโอกาสที่จะถูกขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากเดือนกุมภาพันธ์ ที่ขายสุทธิแล้ว 4.3 หมื่นล้านบาท เป็นเดือนแรก โดยเดือนต้นเดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน ขายอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งปี 2566 เดือนมกราคม เป็นเดือนเดียวที่มีการซื้อสุทธิ แต่ปี 2565 ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 2 แสนล้านบาท โดยหากนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึงมกราคม 2566 ซื้อสุทธิประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ตอนนี้ขายคืนไป 6 หมื่นล้านบาทแล้ว เหลือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ทำให้เชื่อว่าแรงขายออกหลังจากนี้น่าจะเริ่มเบาลงแล้ว” นายณัฐพล กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image