“กอบศักดิ์” ชี้เศรษฐกิจไทยอยู่ยากท่ามกลางโลกผันผวน เผยยังต้องพึ่ง “จีน” กู้ส่งออก

“กอบศักดิ์” ชี้เศรษฐกิจไทยอยู่ยาก ท่ามกลางโลกผันผวน เผยยังต้องพึ่ง “จีน” กู้ส่งออก

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม บนเวทีสัมมนาใหญ่ประจำปี 2566 ของ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทย ในช่วงการอภิปรายเรื่อง”มุมมองเศรษฐกิจไทยกับอสังหาริมทรัพย์ปีกระต่าย”

โดยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีกระต่ายเปิดมา 2 เดือน อยู่ยาก เพราะอยู่ในยุคความผันผวนทางเศรษฐกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นวิกฤต 3 ปี เป็นวิกฤตที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สร้างขึ้นมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อและมีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก เพราะอัตราเงินเฟ้อยังไม่ลดระดับลงอย่างที่ต้องการ ในปี2566 จะเข้าสู่ช่วงที่ 3 ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกใน 8 เดือนที่เหลือนี้ ขณะที่เงินเฟ้อยังปรับลดลงช้า

“ช่วง 2 เดือนแรก ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ จะคลี่คลาย คลื่นลมสงบ แต่ ณ วันนี้ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา อยู่ยาก จะมีแบงก์ล้มในสหรัฐฯ อยู่ๆก็ล้ม เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยตกมาก 50 จุด ตอนนี้เราอยู่ยาก ระเบิดเกิดขึ้นถึงประเทศอื่น แต่มาไฟไหม้บ้านเรา เอาแน่นอนไม่ได้ ค่าเงินบาท จาก 38 บาท ก็ลงมาอยู่ที่ 35 บาท เราต้องมีสติ และมองปัญหาให้ทะลุทำให้เราประคองตัวผ่านไปได้ รับประกันไม่ได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นหรือเปล่า”นายกอบศักดิ์กล่าว

Advertisement

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ประเทศไทยเริ่มจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจซบเซาเรื่อยๆ แต่จีนจะช่วยให้เราหายใจคล่องตัวขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดีจะกระทบการส่งออกและภาคผลิตของไทย ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียว แต่มูลค่าส่งออกในเอเชียทุกประเทศลดลงเช่นกัน ด้านการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่จีดีพีในไตรมาส 4 ติดลบ 1.5 % ดังนั้นปีนี้ต้องทำใจเพราะส่งออกไม่ดี ขณะที่ในเรื่องการลงทุนจากยอดขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอประเทศจีนยังเป็นเบอร์ 1 จากเดิมเป็นญี่ปุ่น รองลงมาเป็นสหรัฐฯ จะเห็น การเคลื่อนลงทุนในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการขยายตลาดสู่อาเซียน สามารถใช้วัตถุดิบรอบๆประเทศไทยในการผลิตสินค้าไปสู่ประตู่ในแต่ละประเทศได้ หรือ สู่ประเทศจีนได้

“มองว่าไตรมาส2 นี้ จะคึกคักพิเศษ ในเรื่องการเลือกตั้ง เงินสะพัดถึงเดือนพฤษภาคมนี้ และการท่องเที่ยวของไทยจะได้รับอานิสงส์จากจีนเข้ามาเที่ยวในไทย ส่วนดอกเบี้ยคาดกนง.จะขึ้น 2 ครั้งสู่ระดับ 2-2.5% เป็นภาวะปกติ เงินเฟ้อ ไตรมาส 3 ปีนี้ จะอยู่ประมาณ 3% ต้นทุนต่างๆ อยู่ในส่วนที่ไปได้ ทั้งราคาน้ำมัน และเหล็กเริ่มปรับลดลง หนี้ครัวเรือน อยู่ที่กลุ่มระดับล่าง ด้านแรงงานในภาคธุรกิจบริการ เกษตรกร จะดีขึ้นด้วยจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามา”นายกอบศักดิ์กล่าว

ด้านนายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการ หอการค้าไทยในจีน กล่าวว่า คนจีนในยุคแรกมาซื้อคอนโดฯในไทย ได้รับความนิยมน้อย แต่ยุคจากนี้ จะเป็นนักลงทุน นักธุรกิจที่มองหาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย แต่ตรงนี้ ได้รับอานินงส์จากการท่องเที่ยวของไทยด้วย เพียงแต่สถานการณ์บ้านเรา เจอโควิด 3 ปี แต่ครึ่งปีแรก จะเร่งระบายสต๊อกห้อง และจะมีโรงแรมกลับมาฟื้น 10,000-20,000 ห้องกลับมา เท่าที่เจอนักธุรกิจจีน จะไม่มองคอนโดฯขนาดเล็ก อาจด้วยการทำงาน เพราะนักธุรกิจจะมาทั้งครอบครัว

Advertisement

“กรณีทุนจีนสีเทา ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุน ถ้าคนจีนเหล่านี้ถูกจับ จะวิ่งเต้นให้ติดคุกในไทย เพราะถ้าไปอยู่ในจีน โทษรุนแรง เมื่อจีนสีเทาไม่มีโอกาส ก็จะไปประเทศอื่นที่ด้อยพัฒนา อีกทั้งคนกลุ่มนี้จะเป็นส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับเม็ดเงินลงทุนจากจีนมาไทย ผมมองว่า เป็นกระบวนการพยายามดึงให้ไทยกับจีนอยู่ห่างกัน เป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ “นายไพจิตรกล่าวและว่า ด้านเรื่องเทคโลยีจากจีนมาดิสคัปชั่นเรา ก็ต้องพัฒนาปรับปรุงตัวเอง อย่าอยู่ในรูปแบบเดิม พฤติกรรมคนไทยจากโควิด 3 ปี เปลี่ยนไปมาก ซึ่งคนจีน 1,400 ล้านคน ก็มีบ้างที่ไม่ดี แต่เมื่อคนจีนมาอยู่ในไทยจะซึมซับวัฒนธรรมไทยได้ ไม่อยากกลับจีน อันนี้ ผมมองโอกาสในระยะยาว เพราะประเทศไทยเป็นเมืองวิเศษ เราอาจกำหนดโซนนิ่ง ให้จีนเข้ามา ไม่ใช่ทุกอย่างอยู่ใต้โต๊ะ ในอนาคตจีนจะมีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร่วม 300 ล้านคน หากสมมติกลุ่มนี้มาสัก 10% มาซื้ออสังหาฯไทย จะมีผลดีต่ออสังหาฯและท่องเที่ยวไทยได้ ซึ่งคนจีนมีเงินออม 45% ขณะที่บางประเทศมีเงินออมประมาณ 25%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image