บาทเปิดที่ 34.41 ‘ไม่ขยับ’ หลังตลาดการเงินคลายวิตกแบงก์ล้ม-เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

บาทเปิดที่ 34.41 ‘ไม่ขยับ’ หลังตลาดการเงินคลายวิตกแบงก์ล้ม-เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.41 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.25-34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

นายพูน กล่าวว่า บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐเริ่มกลับมาสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายความวิตกต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐและธนาคารยุโรป จากการที่บรรดาธนาคารใหญ่ในฝั่งสหรัฐต่างร่วมมืออัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคาร First Republic Bank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางของสหรัฐที่กำลังเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่อง

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในวันนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยง อาจช่วยหนุนให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าสู่สินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยได้บ้าง หลังเป็นฝั่งขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจช่วยให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

Advertisement

อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตามการปรับลดสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้ จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (แต่ต้องเห็นราคาทองคำปรับตัวลงแถวโซนแนวรับ เช่น 1,900 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์)

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจไม่ได้ชัดเจนมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดก็อาจรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้าก่อน นอกจากนี้ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 34.25-34.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็อาจมีแรงซื้อจากผู้นำเข้ากลับมาได้บ้าง

นายพูน กล่าวว่า ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินเหรียญสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวน โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และถ้อยแถลงของประธานอีซีบีหลังการประชุม แต่โดยรวม ดัชนีเงินเหรียญสหรัฐ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.4 จุด และมีโอกาสที่เงินเหรียญสหรัฐอาจแกว่งตัวแคบจนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า

Advertisement

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) โดยตลาดคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมีนาคม อาจทรงตัวที่ระดับ 67 จุด ซึ่งอาจยังคงช่วยหนุนแนวโน้มการบริโภคในฝั่งสหรัฐ

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตารายงานข้อมูลคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดังกล่าว โดยหากคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น และระยะปานกลาง ชะลอลงต่อเนื่อง ชี้ว่าเฟดมีแรงกดดันเร่งขึ้นดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะในจังหวะที่ตลาดการเงินสหรัฐเผชิญความปั่นป่วนจากความกังวลปัญหาของระบบธนาคาร ซึ่งเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

“ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐและยุโรป ต่อเนื่อง ซึ่งความกังวลต่อปัญหาระบบธนาคารอาจกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นนี้ได้”นายพูน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image