‘กรุงศรี’ เผยบาทแข็งในรอบ 1 เดือน คาดสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหว 33.75-34.60 บาท/ดอลล์

แฟ้มภาพ

กรุงศรีเผยบาทแข็งสุดในรอบ 1 เดือน คาดสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหว 33.75-34.60 บาท/ดอลล์

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม รายงานตากกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.22 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังซื้อขายในช่วง 34.13-34.76 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อคิดเป็นรายสัปดาห์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 ปีของสหรัฐร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 30 โดยตลาดพันธบัตรของทั้งยูโรโซนและสหรัฐเหวี่ยงตัวผันผวน แม้ทางการสวิตเซอร์แลนด์ประกาศให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ธนาคารเครดิต สวิส

Advertisement

แต่นักลงทุนยังกังวลต่อสถานะของระบบธนาคารโลก ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.50% สู่ 3.00% ตามคาด เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อต่อไป

ขณะที่อีซีบีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทะลุเกินเป้าหมาย 2% จนถึงปี 2568 โดยประธานอีซีบีระบุว่าภาคธนาคารอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งกว่าช่วงวิกฤติการเงินเมื่อ 15 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าความตึงเครียดในภาคธนาคารจะส่งผลให้อีซีบีไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อีกมากนักแล้ว โดยอีซีบีได้ยุติการใช้การส่งสัญญาณให้ตลาดรับรู้ถึงแนวโน้นการดำเนินนโยบายการเงิน (Forward Guidance) โดยไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับดอกเบี้ยต่อไปอย่างไรท่ามกลางแนวโน้มที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 9,734 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 2,995 ล้านบาท

Advertisement

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 21-22 มีนาคมจะเป็นจุดสนใจหลักของตลาดโลก โดยคาดว่ายังมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00% ในรอบนี้

แต่การสื่อสารของเฟดอาจบ่งชี้ว่าวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นกำลังใกล้สิ้นสุดลง สนับสนุนมุมมองที่ว่าภาวะความผันผวนและตลาดการเงินตึงตัวจะถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อลงในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี การประชุมเฟดครั้งนี้มีความไม่แน่นอนสูงท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนว่ามาตรการต่างๆที่ออกมาในช่วงนี้จะประคองเสถียรภาพตลาดได้นานเพียงใด

ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตได้ 3.7% จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ส่วนเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องและคาดว่าจะกลับเข้ากรอบเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

การทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมความยืดหยุ่นหากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ยังเป็นแนวทางที่เหมาะสม มองว่าทางการอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ด้วยมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการประชุมวันที่ 29 มีนาคมนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image